สนามข่าว 7 สี - ก่อนหน้านี้ "รองนายกฯ ภูมิธรรม" ที่ลงพื้นที่ชายแดนแม่สอด และเมื่อ 2 วันก่อน ไปอรัญประเทศ ซึ่งผุดแนวคิดสร้างกำแพงชายแดน จนเสียงแตกออกเป็น 2 ฝั่ง
สร้างกำแพงชายแดน ยังเป็นแค่แนวคิด
เป็นเรื่องราวภายหลังที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อไปติดตามการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามแดน และแก๊งคอลเซนเตอร์ ซึ่งปัญหาคือ มีการลักลอบเข้าประเทศแบบผิดกฎหมาย ผ่านช่องทางธรรมชาติ ที่มีความยาวประมาณ 165 กิโลเมตร ทำให้มีกำลังพลในการเฝ้ายามตรวจสอบไม่เพียงพอ ฝ่ายความมั่นคงจึงเสนอให้สร้างกำแพงกั้น 55 กิโลเมตร ที่เป็นจุดล่อแหลมในการหลบหนีเข้าเมือง เหมือนกับสหรัฐอเมริกา กับ ประเทศเม็กซิโก
พลตรี ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม ชี้แจงว่า เรื่องนี้ยังคงเป็นแค่แนวคิด ที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่เสนอมา ซึ่ง นายภูมิธรรม ยินดีรับข้อมูลมา และจะนำไปศึกษาว่าการสร้างกำแพงจะมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหน พร้อมต้องดูเรื่องของพื้นที่ด้วย เพราะหากจะสร้างต้องสร้างที่พื้นที่ที่ชัดเจน ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน
สร้างกำแพงใช้งบฯ สูง แนะใช้เทคโนโลยีควบคุม
เรื่องนี้มีความเห็นจากนักวิชาการ อย่าง อาจารย์ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง และการต่างประเทศ บอกกับทีมข่าวการเมืองช่อง 7HD ว่า เป็นนโยบายที่ย้อนยุค แนะใช้วิธีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจะดีกว่า เช่น รั้วไฟฟ้า ซึ่งไทยเคยทำแล้ว ตรงชายแดนที่ติดประเทศมาเลเซีย รวมไปถึงติดตั้งกล้องวงจรปิด ระบบดักจับการส่งสัญญาณ และให้มีกองกำลังลาดตระเวนร่วมกัน อีกทั้งการสร้างกำแพงก็ใช้งบประมาณสูง กิโลเมตรละหลักล้าน และที่สำคัญ จะทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีจากประเทศเพื่อนบ้านด้วย
นอกจากนี้ รัฐบาลต้องเอาจริงกับการปราบปรามการทุจริตจากเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะจะถือเป็นปัญหามากที่สุดในการป้องกันประเทศ
BGF จ่อส่งเหยื่อสแกมเมอร์ให้ไทยเพิ่ม
ความเคลื่อนไหวการส่งตัวกลุ่มผู้ที่เคยทำงานแก๊งคอลเซนเตอร์มาไทย ทั้งที่เป็นเหยื่อค้ามนุษย์ และสมัครใจเข้าไปทำ ล่าสุด น่าจะมีเพิ่มมาอีกเรื่อย ๆ เพราะ กองกำลัง BGF ออกแถลงการณ์ลงนามโดย พลตรี หม่องชิตตู ผู้นำกองกำลัง ถึง รองนายกฯ ภูมิธรรม
เนื้อหาสำคัญ คือ BGF จะจับกุม ปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ และ แก๊งหลอกลวง ในพื้นที่ และจะอำนวยความสะดวกส่งเหยื่อกลับประเทศบ้านเกิด โดยตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ จะส่งชาวต่างชาติผ่านสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 จากเขตเมืองเมียวดี พร้อมขอรัฐบาลไทยให้คำชี้แนะ และให้ความช่วยเหลือตามความจำเป็น