“พีระพันธุ์” ยืนยัน ไม่เคยยุ่งเกี่ยว หรือ ให้ความช่วยเหลือใครในคดีแตงโมนิดา หลัง “สนธิ” ปูด “ปอ” โทรหาคืนเกิดเหตุ
จากกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการชื่อดัง ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า “ปอ” ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาในคดีการเสียชีวิตของ “แตงโมนิดา” ได้โทรศัพท์หานายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในคืนวันเกิดเหตุนั้น
ล่าสุด (14ก.พ.68) นายพีระพันธุ์ ออกมาชี้แจงแล้ว โดยยอมรับว่า มีการพูดคุยกัน โดยส่วนตัวรู้จักกัน ในฐานะที่เขาเป็นคนทำธุรกิจซื้อขายรถยนต์และเปิดอู่ซ่อมรถ ซึ่งในวันที่เกิดเหตุ ได้เล่าให้ฟังว่า เพื่อนประสบอุบัติเหตุตกน้ำ และ ขอคำแนะนำว่าต้องทำอะไร ตนเองจึงบอกให้ไปแจ้งตำรวจเป็นอันดับแรก และหลังจากนั้นก็ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้อีกเลย
“เขาบอกว่า เขาไปลงเรือกับเพื่อนๆ ปรากฏว่าเพื่อนเขาประสบอุบัติเหตุตกน้ำ เขาเองก็กำลังตกใจ พูดไม่ค่อยเข้าใจ ผมก็เลยบอกว่า ค่อย ๆ เล่าเรียบเรียงเหตุการณ์สิ พอเขาเรียบเรียงเหตุการณ์มาเสร็จ เขาก็ถามผมว่าเขาต้องทําอย่างไร ผมก็บอกว่าสิ่งที่คุณต้องทําอันดับแรกคือคุณก็ต้องไปแจ้งตํารวจ ไปที่สถานีตํารวจสักแห่งหนึ่งก็ได้แล้วก็ไปเล่าให้เขาฟัง จุดเกิดเหตุอยู่ไหน แล้วจะต้องทําอย่างไร ไปแจ้งที่ตํารวจที่ สน.อะไรก็ว่ากันไปตามนั้น ก็เท่านี้ล่ะครับ ไม่ได้มีอะไร เขาโทรหามาประมาณกี่โมง ผมจําไม่ได้หรอก มันสามปีแล้วมั้ง แต่เป็นกลางคืนอย่างนี้แหละ สําหรับผมมันเรื่องปกติ เพราะว่าชาวบ้านก็ดี ใครก็ดี โทรมาหาผมตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นประเด็นมันมีเท่านี้นะครับ แล้ววันนั้น เราก็ยังไม่รู้ว่าเกิดเหตุ แล้วผมก็ไม่รู้ด้วยว่าใครเป็นผู้ประสบเหตุ เพราะเขาไม่ได้บอกผม แต่ถึงบอกผมก็ไม่รู้จัก เพราะผมเป็นคนไม่รู้จักดาราเลย มารู้อีกทีที่เป็นข่าววันรุ่งขึ้น แล้วผมก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขา คดีความเขาเป็นอะไรเราก็ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยว ไม่เคยไปให้คําแนะนําทางกฎหมาย หรือว่าไปช่วยเหลืออะไรเลย ก่อนที่เขาจะเกิดเหตุเป็นข่าวขึ้นมา เขาก็เป็นคนทําธุรกิจที่เรารู้จักธรรมดา ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องไปเกี่ยวข้องอะไรกับเขา ผมเชื่อว่าวันนั้น เขาคงไม่ได้โทรหาผมคนเดียวหรอก แต่ทําไมต้องเอาผมอ้างขึ้นมา” นายพีระพันธุ์ กล่าว
ทั้งนี้ นายพีระพันธุ์ ย้ำว่า ถ้าใครทําอะไรผิด ตนเองไม่เคยช่วย ไปเช็กประวัติได้ ถ้าผิดก็ว่าไปตามผิดอยู่แล้ว แต่ที่สําคัญ คือ ในเมื่อคดีนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับตนเอง แล้วทำไมจะต้องเอาหน้าที่การงานไปเสี่ยงเพื่ออะไร อย่าว่าแต่กรณีนี้ ไม่ว่ากรณีไหนก็ไม่เคยเข้าไปช่วยคนที่ทําผิด