ส่งนักประดาน้ำค้นหา หญิงชาวอังกฤษวัย 27 ที่สูญหาย หลังจากเรือทัวร์ดำน้ำเกิดเพลิงไหม้ที่เกาะเต่า เพื่อนเผย ก่อนเกิดเหตุผู้สูญหายได้เข้าห้องน้ำบนเรือ จึงคาดว่าน่าจะติดอยู่ในห้องน้ำ ขณะที่เรือได้ถูกไฟไหม้เสียหาย ก่อนจมลงไปในทะเล
วันที่ 17 มี.ค. 68 จากกรณีเหตุการณ์ไฟไหม้เรือทัวร์ดำน้ำ ห่างจากเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ประมาณ 5 ไมล์ทะเล เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 16 มี.ค. ที่ผ่านมา ขณะนำนักท่องเที่ยวต่างชาติไปออกทริปดำน้ำบริเวณรอบเกาะเต่า เรือลำเกิดเหตุมีผู้โดยสารที่มากับเรือทั้งหมด 22 คน แยกเป็น คนประจำเรือ 2 คน ครูดำน้ำ 2 คน ผู้ช่วยครูดำน้ำ 2 คน และนักท่องเที่ยว (เรียนดำน้ำ) 16 คน เรือลำเกิดเหตุชื่อว่า "เดวี่ โจนส์ ล็อคเกอร์"
ก่อนเกิดเหตุพยานที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ขณะที่เรือกำลังวิ่งไปที่จุดดำน้ำ เซาท์เวสต์ พินนาเคิล เห็นนายเต้ อายุ 48 ปี สัญชาติเมียนมา พนักงานบนเรือกำลังอัดอากาศเข้าถังอากาศดำน้ำ แต่เครื่องอัดอากาศเกิดขัดข้องเป็นเหตุให้เครื่องอัดอากาศเกิดเพลิงไหม้ เพลิงยังได้ลุกลามไปไหม้บริเวณห้องเครื่องยนต์ ห้องกัปตัน และห้องน้ำด้านหลัง อย่างรวดเร็ว ขณะที่ตัวเรือเป็นไม้จึงยากต่อการดับไฟ และเรือจมลงในเวลาต่อมา ส่วนผู้ประสบภัยได้มีเรือที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุได้เข้าช่วยเหลือไว้ได้ 21 คน
จากการเช็คยอดคนบนเรือทราบว่าได้มีผู้สูญหายไป 1 คน ทราบชื่อว่านางสาวอเล็กซานดรา (Ms.Alexandra May Clarke) อายุ 27 ปี สัญชาติอังกฤษ เพื่อนของผู้สูญหายที่ไปด้วยกันบอกว่า ก่อนเกิดเหตุนางสาวอเล็กซานดราได้เข้าห้องส้วมบนเรือ จึงคาดว่าเพื่อนน่าจะติดอยู่ในห้องน้ำ ขณะที่เรือได้ถูกไฟไหม้เสียหาย ก่อนจมลงไปในทะเล
พ.ต.อ.สรายุทธ บุรีวชิระ ผกก.สภ.เกาะเต่า เปิดเผยว่า การค้นหาร่างผู้สูญหาย จะเริ่มในช่วงเช้าวันที่ 17 มี.ค. โดยได้ประสานกองบังคับการสถานีเรือสมุย ศรชล.จ.สุราษฎร์ธานี ส่งเรือ ต.113 นำนักประดาน้ำลงไปค้นหาจุดที่เรือจมลงในทะเล ร่วมกับทีมกู้ภัยเกาะเต่า ส่วนเรื่องของคดีในเบื้องต้นพนักงานสอบสวน สภ.เกาะเต่า ได้แจ้งข้อกล่าวหา ผู้ควบคุมเรือ และพนักงานที่ทำหน้าที่ควบคุมการเติมอ๊อกซิเจน ในข้อหาประมาททำให้เกิดเพลิงไหม้ ทำให้ทรัพย์เสียหาย
ด้านสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเกาะพะงัน ดำเนินการตามกฏหมายตามพระราชบัญญัติเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกาศให้ระมัดระวังในการเดินเรือ และมีคำสั่งให้บริษัท เจ้าของเรือลำเกิดเหตุ ดำเนินการกู้ซากเรือ พร้อมทั้งแนบแผนการดำเนินการต่าง ๆ ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับทราบคำสั่งนี้ และมีคำสั่งห้ามใช้เรือจนกว่าจะดำเนินการเพื่อให้มีสภาพที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานต่อไป