วันนี้ (20 มี.ค. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผกก.4 บก.ปปป.) นำกำลังร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมกันสืบสวนจับกุม และแจ้งข้อกล่าวหาข้าราชการพลเรือน สังกัดสำนักงานทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่) จำนวน 2 คน คือ นายปารย์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ที่ จ.13/2568 ลงวันที่ 17 มี.ค. 68 และ นายชญานนท์ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ที่ จ.14/2568 ลงวันที่ 17 มี.ค. 68 โดยนำหมายจับเข้าจับกุมที่ สำนักงานทางหลวงที่ 1 เชียงใหม่ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
สำหรับ นายปารย์ ผู้ต้องหาลำดับที่ 1 มีความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ,เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และ 157 ส่วน นายชญานนท์ ผู้ต้องหาลำดับที่ 2 มีความผิดฐาน “สนับสนุนเจ้าพนักงาน เรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และสนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149,157 และ 86
การจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจาก บก.ปปป. ได้ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช. และสำนักงาน ป.ป.ท. รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนในพื้นที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เกี่ยวกับพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่สังกัดสำนักงานทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่) กรมทางหลวง ว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์จากประชาชนที่ถูกเวนคืนที่ดินในโครงการขยายถนนหมายเลข 1359 อ.เชียงดาว โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่) ออกอุบายแจ้งค่าเวนคืนที่ดินเพียง 75% ของจำนวนเงินค่าเวนคืนที่ดินที่จะได้รับ และอ้างว่าจะช่วยเพิ่มค่าเวนคืนที่ดินให้อีก 25% ทั้งที่ผู้ที่ถูกเวนคืนที่ดินมีสิทธิได้รับค่าเวนคืนเต็มจำนวนตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
โดยได้เรียกรับเงินจากผู้ที่ถูกเวนคืนที่ดินในอัตราประมาณ 10% ของค่าเวนคืนที่จะได้รับ ซึ่งอ้างว่าเป็นค่าช่วยเหลือในการเพิ่มค่าเวนคืนที่ดินดังกล่าวให้ ทำให้ประชาชนที่ถูกเวนคืนที่ดินจำนวนหลายคนต้องยินยอมจ่ายเงินให้แก่เจ้าหน้าที่สำนักงานทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่) เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับการประเมินค่าเวนคืนที่ดินในอัตราที่ต่ำ และเห็นว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและทำให้ได้รับความเสียหาย จึงได้แจ้งเบาะแสเรื่องดังกล่าวต่อสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำ จ.เชียงใหม่ เพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ต่อมา เจ้าหน้าที่ บก.ปปป. จึงร่วมกับฝ่ายสืบสวนของสำนักงาน ป.ป.ช. และสำนักงาน ป.ป.ท. รวบรวมพยานหลักฐานและพบว่ากรณีดังกล่าวมีการกระทำอย่างเป็นประบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยมีการนัดหมายให้ผู้ที่ถูกเวนคืนที่ดินมารับเช็คค่าเวนคืนที่ดินที่แขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 3 ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการดังกล่าวในพื้นที่ อ.เชียงดาว เมื่อรับเช็คแล้วเจ้าหน้าที่ของสำนักงานทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่) ได้แจ้งให้นำเช็คไปฝากเข้าบัญชีเงินฝากที่สถาบันการเงิน โดยมีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่) คอยเฝ้าติดตามอยู่ตลอดระยะเวลาที่ทำธุรกรรม และให้ถอนเงินสดมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ที่ติดตามไป เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง จำนวน 2 คนดังกล่าว และได้เข้าจับกุมตัวที่สำนักงานทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่)
อย่างไรก็ตาม จากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จึงควบคุมตัวไปทำบันทึกการจับกุม และส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป