กองทัพอิสราเอลเปิดปฏิบัติการภาคพื้นดินบุกฉนวนกาซาอีกครั้ง เพื่อสร้างเขตกันชนทางเหนือ-ใต้ หลังก่อนหน้านี้เพิ่งโจมตีทางอากาศหลายจุดทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน
วันนี้ (20 มี.ค. 68) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองทัพอิสราเอล ระบุในแถลงการณ์ว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ได้เริ่มปฏิบัติการภาคพื้นดินแบบกำหนดเป้าหมายในฉนวนกาซาตอนกลางและตอนใต้ เพื่อขยายขอบเขตความปลอดภัยและสร้างเขตกันชนระหว่างทางเหนือและใต้ของฉนวนกาซา
ก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคาร (18 มี.ค. 68) ที่ผ่านมา ทางกองทัพอิสราเอลได้กลับมาโจมตีทางอากาศใส่ฉนวนกาซาอีกครั้ง หลังข้อตกลงหยุดยิงระยะแรกกับกลุ่มฮามาสสิ้นสุดลงเมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งการโจมตีทางอากาศครั้งนี้ทำให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตกว่า 400 คน ขณะที่โฆษกกระทรวงสาธารณสุขของปาเลสไตน์ กล่าวว่า มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตในช่วง 3 วันที่ผ่านมา อย่างน้อย 510 คน ซึ่งกว่าครึ่งหนึ่งของผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิงและเด็ก
กลุ่มฮามาสกล่าวว่า ปฏิบัติการภาคพื้นดินและการบุกรุกเข้าไปในเขตเน็ตซาริม เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงฉบับใหม่และอันตราย ฮามาสได้ยืนยันความมุ่งมั่นต่อข้อตกลงดังกล่าวและเรียกร้องให้ผู้ไกล่เกลี่ยรับผิดชอบหน้าที่ของตน โดยฮามาไม่ได้ปิดกั้นการเจรจา ซึ่งกลุ่มฮามาสต้องการเดินหน้าไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงระยะที่ 2 โดยอิสราเอลจะต้องเจรจายุติสงครามและถอนกำลังทหาร และจะปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอลในฉนวนกาซาแลกเปลี่ยนกับนักโทษชาวปาเลสไตน์
ด้านองค์การสหประชาชาติ (UN) กล่าวว่า การโจมตีดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่ต่างชาติเสียชีวิต 1 คน และเจ้าหน้าที่บาดเจ็บอีก 5 คน ที่ฐานทัพของยูเอ็นใจกลางเมืองกาซา ขณะที่นายอันโตนิอู กุแตร์เรส เลขาธิการยูเอ็น เรียกร้องให้มีการสอบสวนเรื่องดังกล่าว พร้อมประณามการโจมตีเจ้าหน้าที่ยูเอ็นทั้งหมด
ทั้งนี้ ทางอิสราเอลเสนอขยายเวลาหยุดยิงชั่วคราวเท่านั้น และจะตัดการส่งเสบียงทั้งหมดไปยังฉนวนกาซา และระบุว่าจะเริ่มต้นปฏิบัติการทางทหารอีกครั้งเพื่อบังคับให้ฮามาสปล่อยตัวตัวประกันที่เหลือ