จากรายงานขององค์การยูเนสโก เปิดเผยในวันนี้ (21 มี.ค.) ระบุว่า ธารน้ำแข็งทั่วโลกละลายเร็วขึ้นกว่าเดิม โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีการสูญเสียมวลน้ำแข็งครั้งใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีปริมาณธารน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว รวม 9,000 กิกะตัน นับตั้งแต่ปี 2518 ซึ่งคาดว่า จะยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และอาจนำไปสู่ปัญหาเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคมมากมาย เนื่องจากระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ขณะที่แหล่งน้ำสำคัญกลับลดลง
การละลายที่เร็วขึ้นของธารน้ำแข็งบนภูเขา มีส่วนทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นมากที่สุด ทำให้ผู้คนนับล้านคนต้องเสี่ยงต่อน้ำท่วมรุนแรง และยังส่งผลกระทบต่อการไหลของน้ำ ที่ผู้คนนับพันล้านคนต้องพึ่งพาเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ และการเกษตร
นายสเตฟาน อูเลนบรู๊ค ผู้อำนวยการด้านน้ำและคริโอสเฟียร์ ขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) กล่าวว่า ปัจจุบันมีธารน้ำแข็งประมาณ 275,000 แห่งทั่วโลก ซึ่งเมื่อรวมกับแผ่นน้ำแข็งแอนตาร์กติกาและกรีนแลนด์แล้ว ธารน้ำแข็งเหล่านี้คิดเป็นประมาณ 70% ของน้ำจืดทั่วโลก โดยธารน้ำแข็งบนภูเขาทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นประมาณ 25 มิลลิเมตร (หรือราว0.98 นิ้ว) โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นปีละ 1 มิลลิเมตร และน้ำจากธารน้ำแข็งละลายทุกๆ มิลลิเมตร อาจทำให้มีผู้คนเสี่ยงต่อน้ำท่วมเพิ่มขึ้นอีก 300,000 คน