กรมป่าไม้ ตรวจยึดสวนทุเรียนกว่า 60 ไร่ เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าตกพรม จ.จันทบุรี พบมีการใช้เครื่องจักรหนักเข้ามาปรับพื้นที่ โค่นไม้หวงห้ามขนาดใหญ่กระจายเต็มพื้นที่
วันนี้ (21 มี.ค. 68) นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ สั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 9 (ชลบุรี) บูรณาการกำลังกับ บก.ปทส. ตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายตามยุทธการ "พิทักษ์ผืนป่าตะวันออก" เป็นการต่อเนื่อง
หน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 1 (ภาคกลาง) เจ้าหน้าที่ป่าไม้สังกัดสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 9 (ชลบุรี) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี เข้าตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าตกพรม ท้องที่หมู่ที่ 4 บ้านโชคดี (บ้านเขาขาด) ต.บ่อเวฬุ อ.ขลุง จ.จันทบุรี เป้าหมายคือสวนทุเรียนที่มีลักษณะของการใช้เครื่องจักรกลหนักเข้าปรับไถพื้นที่เป็นขั้นบันได
จากการตรวจสอบพบการบุกรุกปลูกทุเรียนและมังคุด อายุระหว่าง 1-2 ปี ปลูกเต็มพื้นที่ พร้อมมีการวางระบบน้ำ ขณะเดียวกันพบการตัดโค่นล้มไม้หวงห้ามขนาดใหญ่กระจายเป็นวงกว้าง มีบางส่วนถูกเผาเพื่อทำลายหลักฐาน แต่ยังคงหลงเหลือตอไม้กระจายเต็มพื้นที่ โดยพบตอไม้จำพวกไม้ตาเสือ, ไม้กระบก, ไม้ยางนา, ไม้ยวน, ไม้มะหาด, ไม้กระบาก และไม้สงพง
ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับพิกัด คำนวณเนื้อที่ได้ 61-1-57 ไร่ และใช้อากาศยานไร้คนขับ ปฏิบัติการบินถ่ายภาพบริเวณแปลงที่เกิดเหตุ เมื่อนำมาตรวจสอบกับระบบภูมิสารสนเทศ พบว่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าตกพรม ไม่ปรากฏการสำรวจถือครอง เพื่อดำเนินโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) และไม่พบการอนุญาตหรือสิทธิครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินตามกฎหมายอันเกี่ยวข้องในที่ดินแต่อย่างใด
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลตรวจสอบพื้นที่ข้างเคียง ซึ่งพบว่ามีการตัดเส้นทางเชื่อมต่อจากแปลงที่ดินที่ได้ตรวจยึด โดยเป็นแปลงที่ดินตามโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งปรากฏชื่อชายคนหนึ่งเป็นผู้ครอบครอง ซึ่งจะส่งให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกมาทำการสอบสวนประกอบการดำเนินคดี
ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดพื้นที่ทั้งหมดและไม้หวงห้าม นำเรื่องราวแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.ตกพรม ในฐานความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มาตรา 14 ประกอบมาตรา 31 มาตรา 26/4 และพระราชบัญญัติป่าไม้ 2484 มาตรา 11 ประกอบมาตรา 73 มาตรา 54 ประกอบมาตรา 72 ตรี และมาตรา 69 เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อไป