ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง แกะรอยรวบมังกรแปลงกาย เปลี่ยนชื่อ-สกุล-สัญชาติ ท้าทายระบบไบโอเมตริกซ์ หลบหนีคดีหมื่นล้าน
วันนี้ ( 22 มี.ค.68 ) จากกรณีที่ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. สั่งการและกำชับให้เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบบังคับใช้กฎหมาย โดยให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสืบสวนหาข่าวอย่างต่อเนื่อง กระทั่งตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 1 รับผิดชอบงานตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พร้อมชุดสืบสวนในการลงพื้นที่สืบสวน หาข่าว หลังได้รับข้อมูลจากสายลับว่ามีเป้าหมายบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน ชื่อนายจางเหว่ย (นามสมมติ) ลักลอบหลบหนีเข้าเมือง หรือกระทำความผิดอื่น ๆ ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ และมาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นใน
โดยได้นำใบหน้าของเป้าหมาย ตรวจสอบกับฐานข้อมูลไบโอเมตริกซ์ พบความน่าสงสัย คือข้อมูลไปสอดคล้องตรงกันกับ คือนายตู้หนาน ชุดสืบสวนลงความเห็นร่วมกันว่า นายจางเหว่ย กับนายตู้หนาน เป็นคนเดียวกัน จึงได้แบ่งหน้าที่เฝ้าสังเกตการณ์ จนกระทั่งพบความเคลื่อนไหวโดยมีการเช็คอินโรงแรมหรูแห่งหนึ่งย่านราชประสงค์ จึงนำกำลังไปตรวจสอบและเฝ้าสังเกตการณ์ แต่ชายคนดังกล่าวระมัดระวังตัว
กระทั่งวันที่ 21 มีนาคม 2568 เจ้าหน้าที่พบชายมีตำหนิรูปพรรณตรงกับที่สายลับให้ข้อมูล จึงแสดงตัวเข้าควบคุมตัว สอบสวนผ่านล่ามแปลภาษาเบื้องต้น อ้างว่าไม่ใช่คนจีน และหนังสือเดินทางหาย ต่อมาให้การกลับไปมาว่าเป็นคนสัญชาติวานูอาตู พร้อมแสดงรูปถ่ายหนังสือเดินทาง เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าผู้ถูกจับชื่อ นาย ตู้หนาน อายุ 30 ปี สัญชาติวานูอาทูน ประเภทวีซ่านักท่องเที่ยว ( 60 วัน) ปัจจุบันการอนุญาตสิ้นสุดลงแล้ว เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหา เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ก่อนจะคุมตัว ส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมาย
แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจ ว่าหนังสือเดินทางที่อ้างว่าทำหาย จึงประสานข้อมูลองค์กรบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ จนพบว่า ชายคนดังกล่าวเป็นคนเดียวกับนายจางเหว่ย (นามสมมติ) สัญชาติจีน ที่ก่อเหตุร่วมกับพวก ยักยอกเงินจากบริษัทก่อสร้างชื่อดังในมณฑลซานตง มูลค่าความเสียหายกว่า 2,400 ล้านหยวน หรือประมาณ 11,000 ล้านบาท จะได้แจ้งข้อมูลดังกล่าวไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปเพื่อนำตัวนายจางเหว่ยไปดำเนินคดีตามกฎหมาย