จากกรณี เพจ เฮียขับรถ ได้มีการโพสต์ภาพคลิปเหตุการณ์ ที่เจ้าหน้าที่ รปภ. ของศูนย์การค้าฯ แห่งหนึ่ง ย่านคลองสาน ถูกคนขับรถเก๋ง ถอยรถมาชน และหลังจากนั้นก็ลงมาทำร้ายร่างกาย เหตุเกิดเมื่อช่วงเที่ยง ของวันที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมา
(อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ไม่เห็น? เก๋งถอยชน รปภ. ก่อนลงซัดยับ)
โดยผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การค้าฯ ดังกล่าว ได้ออกมาเปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุทางศูนย์การค้าฯ ได้พารปภ. ไปรักษาตัวและตรวจร่างกาย และไปแจ้งความที่ สน.สำเหร่ เบื้องต้นทางรปภ. ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่สภาพจิตใจยังอยู่ในอาการตกใจและหวาดกลัว รวมถึงโทรศัพท์มือถือก็เสียหาย เนื่องจากถูกคู่กรณีเขวี้ยงไปไกลหลายเมตร
ยืนยันว่า ทางศูนย์การค้าฯ มีมาตรการในการดูแลบุคลากรอยู่แล้ว และได้มีการอบรมเจ้าหน้าที่รปภ .อยู่แล้ว ในการให้บริการลูกค้าว่า ต้องมีท่าทางคำพูดอย่างไร เน้นย้ำว่าจะต้องขอโทษลูกค้าก่อนเสมอ เชื่อว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ รปภ. เพียงแค่ทำตามหน้าที่ แต่คู่กรณีดันมีอารมณ์ร้อน ซึ่งหลังจากนี้จะไม่มีการไล่รปภ. คนนี้ออกจากงาน แต่จะให้ย้ายไปทำงานในจุดอื่นก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความกังวล และจะต้องคุยรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้งว่า ในวันเกิดเหตุเกิดอะไรขึ้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (25 มี.ค. 68) ที่ สน.สำเหร่ นายแมน (นามสมมุติ) รปภ. ศูนย์การค้าฯ ดังกล่าว ได้ออกมาเปิดเผยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า วันนั้น ตนกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณทางออกของศูนย์การค้าฯ ซึ่งในตอนนั้นตนเห็นว่ารถคันสีดำกำลังจอดอยู่บริเวณห้ามจอด จึงได้เคาะกระจกและบอกไปว่า บริเวณนี้ห้ามจอด และได้ไปชะเง้อมองพบว่าไม่มีคนอยู่ในรถ หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ส่งเสียงมาว่า “รถของผมเอง ผมรอลูกค้าอยู่ ลูกค้ายังไม่มา” ซึ่งในตอนนั้นตนก็ไม่ได้ว่าอะไร เนื่องจากลูกค้ามาพอดี
จากนั้น ตนก็ไปยืนหลังรถ เนื่องจากว่า เห็นว่ารถของลูกค้าท่านอื่น กำลังเลี้ยวออกมา ตนจึงได้โบกรถลูกค้าท่านอื่นให้เลี้ยวออกไปก่อน จะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุ หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ถอยรถมาชนตนเลยจึงทำให้มีปากเสียงกัน ก่อนจะโวยวายหยาบคาย บอกว่า “ถ้าพ่อมึงเป็นตำรวจกูก็ไม่กลัวนะ” ซึ่งพูดด้วยน้ำเสียงโมโหและอารมณ์ร้อน
หลังจากนั้น ก็มาทำร้ายร่างกาย ต่อยเข้าที่ใบหน้า ซึ่งตนก็สวนกลับ แค่โดนที่แขน นอกจากนี้ อีกฝ่ายยังทำร้ายข้าวของ ด้วยการปาโทรศัพท์ของตนจนหน้าจอแตก ก่อนที่จะขับรถออกจากศูนย์การค้า ตนจึงได้วิ่งตามไปและก็ตบกระจกรถ เพื่อที่จะต้องการให้อีกฝ่ายดูว่าโทรศัพท์พัง จะรับผิดชอบยังไง แต่อีกฝ่ายก็ขับรถไปเลย ทั้งนี้ ตนทราบว่า อีกฝ่ายมีกล้องหลังรถ แต่มาถอยชนตนได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เกิดเรื่องนี้ได้มีการเจรจาพูดคุยกับคนขับรถแล้ว อีกฝ่ายก็ยอมจ่ายค่าเสียเวลาและค่าซ่อมโทรศัพท์เป็นจำนวนเงิน 9,000 บาท ซึ่งหลังจากนี้ตนก็ยังคงทำงานอยู่ที่ศูนย์การค้าแห่งเดิม แต่จะไปประจำจุดอื่น