การกู้ภัยในเมืองมัณฑะเลย์ ของเมียนมา ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง ขนาด 8.2 ยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศจะให้ความช่วยเหลือเมียนมาแล้ว
ปฏิบัติการกู้ภัยในเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของเมียนมา ยังดำเนินต่อไป หลังเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 8.2 ที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ห่างจากเมืองมัณฑะเลย์ ไปราว 17.2 กิโลเมตร ลึกลงไปใต้พื้นดิน 10 กิโลเมตร จากนั้นยังเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.4 ซ้ำ รวมทั้ง อาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายครั้ง ล่าสุด ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งขึ้นเป็น 694 คนแล้ว บาดเจ็บอีก 1,670 คน โดยคาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจะเพิ่มสูงขึ้นอีก ซึ่งจากความเสียหายอย่างหนัก และการขาดแคลนอุปกรณ์ในการกู้ภัย ทำให้พลเอกอาวุโส "มิน อ่อง หล่าย" ผู้นำเมียนมา ต้องออกแถลงการณ์ร้องขอความช่วยเหลือจากนานาชาติ พร้อมประกาศภาวะฉุกเฉินในหลายภูมิภาคด้วย
ขณะที่ กรมอุตุนิยมวิทยา และอุทกวิทยาของเมียนมา รายงานเช้าวันนี้ว่า เกิดอาฟเตอร์ช็อก 12 ครั้ง โดยวัดความรุนแรงได้ตั้งแต่ระดับ 2.8 ถึง 7.5
มีการเผยภาพผู้เห็นเหตุการณ์ที่บันทึกภาพขณะเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อวานนี้ ในมณฑลยูนนาน ของจีน ซึ่งเผยให้เห็นผู้คนแตกตื่นตกใจ และพากันวิ่งหนีออกจากอาคารสูง ที่มีฝุ่นหนาทึบกระจายออกมาจากตัวอาคาร ซึ่งเกิดจากแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว โดยสื่อท้องถิ่นรายงานว่า มีอาคารหลายหลังได้รับความเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน
ขณะที่ ประธานาธิบดี "โดนัลด์ ทรัมป์" ของสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้ว่า จะให้ความช่วยเหลือเมียนมา ตามคำร้องขอของผู้นำเมียนมา เนื่องจากเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเป็น“สถานการณ์เลวร้ายมาก และเขาได้พูดคุยกับเมียนมาแล้ว เพื่อจะให้ความช่วยเหลือในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
ขณะที่ สถานทูตจีนโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า ทีมกู้ภัย 37 นายจากจีน ได้เดินทางไปที่นครย่างกุ้ง เช้าวันนี้์ โดยนำยา และอุปกรณ์สำหรับตรวจหาสัญญาณสิ่งมีชีวิตไปช่วยเหลือด้วย
สำนักข่าว "ทาสส์" (TASS) ของทางการรัสเซียรายงานว่า ได้ส่งทีมกู้ภัยที่มีประสบการณ์ 120 นาย รวมถึงแพทย์และสุนัขค้นหาไปช่วยเหลือเมียนมาแล้ว