ประชาชนชาวเมียนมา ในเมืองมัณฑะเลย์ ยังคงหวาดกลัวอาฟเตอร์ช็อกจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง ไม่กล้ากลับเข้าบ้านเรือนของตนเอง ส่วนยอดผู้เสียชีวิตพุ่งเกิน 2,000 คน
พื้นที่บริเวณทางเท้าริมแม่น้ำในเมืองมัณฑะเลย์ ของเมียนมา คราคร่ำไปด้วยประชาชนที่ออกมาปักหลักตั้งแคมป์กันริมถนน เนื่องจากยังคงมีความหวาดกลัวอาฟเตอร์ช็อกที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่กล้ากลับเข้าอาคารบ้านเรือนของตนเอง หลังเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 8.2 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (28 มี.ค.) โดยหลายคนได้ขนสัมภาระออกมากางเต็นท์นอน บางก็กางแค่มุงกันยุงกันบนทางเท้า ขณะที่ เจ้าหน้าที่สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ หรือ "ไอเอฟอาร์ซี" (IFRC) แสดงความกังวลต่อสภาพอากาศ "ร้อนจัด" รวมทั้งการเข้าถึงน้ำดื่ม, อาหาร และที่พักบังแดด เนื่องจากการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ยังคงเป็นไปอย่างจำกัด
สำหรับตัวเลขผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ทางการเมียนมารายงานว่า พบผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 2,056 คนแล้ว บาดเจ็บอีก 3,900 คน และยังคงสูญหายอยู่ 270 คน โดยรัฐบาลเมียนมาประกาศไว้อาลัยเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ขณะที่ นานาชาติ ทั้ง จีน, อินเดีย, ไทย, มาเลเซีย, สิงคโปร์ และรัสเซีย ได้มีการส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ และทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าไปให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
ด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า เจ้าหน้าที่หน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐฯ หรือ "ยูเอสเอด" (USAID) กำลังเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมียนมา เพื่อช่วยประเมินสถานการณ์และระบุความต้องการที่เร่งด่วนที่สุด อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์ส (Reuters) รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า เจ้าหน้าที่ 3 คน ของยูเอสเอดต้องชะลอการเดินทาง เนื่องจากปัญหาด้านวีซ่าจากรัฐบาลทหารเมียนมา นอกจากนี้ การตัดงบประมาณครั้งใหญ่ของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงสร้างความยุ่งยากต่อการส่งความช่วยเหลือครั้งนี้ด้วย