ข่าวภาคค่ำ - หลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเหนือความคาดหมาย ภาคการผลิตของไทยนัดถกด่วน ประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
พรุ่งนี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรียกประชุมด่วน ประเมินผลกระทบในภาคอุตสาหกรรมแต่ละกลุ่ม หลังประธานาธิบดีสหรัฐเรียกเก็บภาษีตอบโต้ไทยในอัตรา 36% เพื่อลดการขาดดุลการค้าไทย ว่ามีอุตสาหกรรมใดบ้างได้รับผลกระทบ
ด้านผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศ นายอัทธ์ พิศาลวานิช คาด เดือนหน้าจะเริ่มเห็นผลกระทบ ประเดิมที่ภาคส่งออก คาดว่ายอดส่งออกจะหายไป 30% หรือเกือบ 1 ล้านล้านบาท พร้อมแนะภาครัฐ รีบเจรจากับสหรัฐฯ ก่อนมาตรการภาษีจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 9 เมษายน
ส่วนผลกระทบภาพรวมส่งออกไทยปีนี้ อาจโตเพียง 1-2% เท่านั้น พร้อมแนะนำภาครัฐ เร่งหาตลาดใหม่ และเจรจาขอปรับลดภาษี แม้จะเป็นโจทย์หินก็ตาม
ด้าน นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย มองว่า การเรียกเก็บภาษีดังกล่าว จะทำให้ราคาข้าวหอมมะลิไทยที่ส่งไปยังตลาดสหรัฐฯ แพงขึ้น 1,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เป็นไปได้ว่า ผู้บริโภคอาจหันไปซื้อข้าวจากเวีดนามแทน ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมาสหรัฐนำเข้าข้าวหอมมะลิจากไทยกว่า 850,000 ตัน
และทาง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ แนะ ไทยต้องประเมินคู่แข่งที่ผลิตสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯ ว่าถูกขึ้นภาษีมาก หรือน้อยกว่าไทย เพราะนั่นหมายถึงโอกาสในการแข่งขันบนกติกาใหม่
ซึ่งไทยอาจส่งสินค้าไปทดแทนสินค้าของประเทศอื่น ๆ ที่ถูกตั้งกำแพงภาษีสูงกว่าไทยได้ แต่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกัน ลดผลกระทบครั้งนี้
ขณะที่ ราคาทองคำวันนี้ ตอนเปิดตลาดช่วงเช้า ทุบสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ หรือนิวไฮ
ทองคำแท่ง ขายออกบาทละ 51,250 บาท และทองรูปพรรณ บาทละ 52,050 บาท แต่ระหว่างวัน ราคาผันผวนถึง 29 ครั้ง ก่อนปิดตลาด โดยรวมปรับขึ้นจากเมื่อวาน แค่ 50 บาท ทำให้ทองคำแท่ง ขายออกบาทละ 50,650 บาท ส่วนทองรูปพรรณ 51,450 บาท
ส่วน หุ้นไทย ปิดตลาดไปที่ 1,159.48 จุด หรือ ติดลบ 13.21 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 36,940 ล้านบาท