สนามข่าว 7 สี - ตอนนี้การทำหน้าที่ของ สตง. ในการตรวจสอบหน่วยงานต่าง ๆ กำลังถูกวิจารณ์ ล่าสุด คุณหมอนิติเวช เล่าว่า เคยถูก สตง.ถามว่า "แล้วจะรู้ได้ไงคะ ว่าคนพวกนี้ตายจริง?"
นาวาอากาศตรี นายแพทย์อรรถสิทธิ์ ดุลอำนวย แผนกนิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช โพสต์เล่าประสบการณ์ว่า หลายปีก่อนหน่วยงานได้รับการเข้าตรวจจาก สตง. มีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจหนึ่งท่านเป็นสุภาพสตรี แจ้งขอดูรายงานการผ่าพิสูจน์ศพทั้งหมด ทุกคนตกใจและแจ้งว่าให้ดูไม่ได้เพราะเป็นข้อมูลลับผู้เสียชีวิตแต่ละคน และไม่เคยมีใครมาขอดูมาก่อน เจ้าหน้าที่แจ้งว่ามีอำนาจเข้าตรวจสอบแน่นอน แล้วกล่าวต่อหน้าเพื่อนอาจารย์แพทย์และข้าราชการหลายคนในห้องว่า "อิจฉาอยู่ เพราะหมอได้เงินเยอะ เบิกเงินเยอะ เลยต้องมาตรวจ"
ระหว่างตรวจเจ้าหน้าที่ตั้งข้อสังเกตว่ารายงานแต่ละฉบับมีความยาว-สั้นไม่เท่ากัน บางฉบับ 5 หน้ากระดาษ A4 บางฉบับ 2 หน้า บางฉบับ 1 หน้า ฉบับที่สั้น ๆ น่าจะไม่มีคุณภาพ ระวังจะถูกเรียกเงินคืน
สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็พูดประโยคที่ทุกคนตกใจ เพราะเราผ่าศพรวมกันมาแล้วเป็นหมื่นร่าง ไม่เคยได้ยินประโยคอะไรแบบนี้ เจ้าหน้าที่ สตง. ถาม "แล้วจะรู้ได้ไงคะ ว่าคนพวกนี้ตายจริง ?" ทำให้พวกเราจำได้ไม่ลืมจนถึงทุกวันนี้
เช่นเดียวกับ นายกฤช กระแสร์ทิพย์ อดีตรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เล่าประสบการณ์การตรวจสอบของ สตง. จัดซื้อรถบัสบรรทุกผู้ต้องหาและอาหารดิบในเรือนจำ ระบุว่า "รถบัสบรรทุกผู้ต้องขังคันนี้ เป็น 1 ใน 3 คัน ที่จัดซื้อสมัยเป็นผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ งบประมาณคันละ 6 ล้านบาท รวม 3 คัน 18 ล้าน ใช้วิธี E bidding เมื่อรับมอบรถ จ่ายเงินเสร็จได้ 3 วัน สตง.ขอเข้าตรวจ การตรวจจะดูกระบวนการจัดซื้อ สภาพรถว่าตรงคุณลักษณะตามข้อกำหนดใน TOR หรือไม่ รถชุดนี้ ขั้นตอนการซื้อถูกต้องตามระเบียบ แต่มีเพิ่มเติมคือขอเขาเยอะมากคือ ขอให้กั้นห้องแยกในรถ แก้เรื่องที่นั่งโดยสาร และแก้ระบบประตู สุดท้ายก่อนส่งมอบรถก็ขอวิทยุสื่อสารติดประจำรถทุกคัน ขออะไรคนขายก็ให้หมด เพราะเราไม่ได้ขอเงินทอน ไม่แน่ใจว่า สตง. ดีใจหรือเสียใจกลับไป"
แต่เจ็บใจตอนที่ สตง. ไปตรวจอาหารดิบที่เรือนจำแห่งหนึ่ง แล้วไปขอวัดขนาดความยาวพริกขี้หนู ว่าเป็นไปตามคุณลักษณะหรือไม่ เป็นใครก็เหงื่อตก