หลังจากประกาศภาษีนำเข้าจากนับร้อยประเทศทั่วโลก จนถูกจีนใช้ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ 34% ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ข้อความ ขอให้ชาวอเมริกันอดทนรับความลำบากจากราคาสินค้าที่แพงขึ้น อีกไม่นานเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะโชติช่วงแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่ชาวอเมริกันจำนวนมากไม่เห็นด้วย มีการรวมตัวประท้วงในหลายเมืองทั่วสหรัฐฯ อาทิ กรุงวอชิงตัน ดีซี, นครนิวยอร์ก, ลอสแอนเจลิส, ชิคาโก ฯลฯ เพื่อต่อต้านนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ และนายอีลอน มัสก์ ที่ปรึกษาคนสำคัญ ตั้งแต่เรื่องการปลดเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางจำนวนมาก การดำเนินนโยบายขวาจัด เลือกปฏิบัติต่อกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ แต่ฟางเส้นสุดท้ายที่คนจำนวนมากรับไม่ได้ คือการขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งทำให้พวกเขาเดือดร้อน จากราคาสินค้าที่สูงขึ้น ซ้ำเติมค่าครองชีพยุคไข่ไก่ราคาแพงหนักขึ้นอีก
ส่วนที่ยุโรปก็มีการประท้วงประธานาธิบดีทรัมป์ในหลายเมืองอาทิ กรุงลอนดอน อังกฤษ, กรุงปารีส ฝรั่งเศส และกรุงเบอร์ลิน เยอรมนี โดยมองว่า สหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ คำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เหนือสิ่งอื่น และทำลายความความสัมพันธ์อันดีต่อมิตรประเทศ