ศาลจังหวัดสงขลาออกหมายจับ 3 ข้อหา คนร้ายก่อเหตุชิงทองหนัก 138 บาท ก่อเหตุอุกอาจกลางเมืองหาดใหญ่ ตำรวจมั่นใจยังอยู่ในพื้นที่ พร้อมตั้งรางวัลนำจับ 100,000 บาท ร้านทองผวาพ้นโทษเร็วมาก เพิ่งก่อเหตุปี 60 ทั้งชิงทอง-ฆ่าคนตาย
ความคืบหน้า คดีคนร้ายชายชาวมาเลเซีย ก่อเหตุบุกเข้าไปชิงสร้อยคอทองคำและสร้อยข้อมือ น้ำหนักรวม 138 บาท ในห้างทองชื่อดังริมถนนมนตรี 1 ในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ล่าสุดเช้าวันนี้ (9 เม.ย.68) ห้างทองดังกล่าวปิดให้บริการ โดยพนักงานที่อยู่ในเหตุการณ์ยังอยู่ในอาการหวาดผวา เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธปืนและก่อเหตุอย่างใจเย็น ซึ่งห้างทองแห่งนี้เปิดให้บริการมานานมากกว่า 40 ปี มีกล้องวงจรปิดและสัญญาณเตือนภัย เป็นระบบรักษาความปลอดภัย ก่อนเกิดเหตุเจ้าของร้าน ให้ช่างมาประเมินราคาในการรีโนเวทร้าน เพื่อปรับปรุง ให้ทันสมัยมากขึ้น แต่ยังไม่ทันได้ดำเนินการ ก็ถูกคนร้ายก่อเหตุชิงทองเสียก่อน
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายสุวิทย์ อู่โภคาทรัพย์ เจ้าของห้างทองไทยยินดี 2 ที่อยู่ตรงข้าม กับห้างทองที่ถูกคนร้ายชิงทองเมื่อวานนี้ ก็ยืนยันว่าหลังจากดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วคนร้ายที่ก่อเหตุเมื่อวานนี้เป็นคนเดียวกันกับที่เคยก่อเหตุชิงทองในร้านของตนเมื่อปี 2560 ซึ่งแปลกใจว่าเหตุใดจึงพ้นโทษออกมาเร็ว เพราะนอกจากถูกจำคุกในคดีชิงทองแล้ว ก็ยังมีคดีฆ่าคนตายด้วย ในขณะนี้หากตำรวจยังจับกุมไม่ได้ ผู้ประกอบการร้านทอง ก็คงต้องอยู่กันอย่างหวาดผวา
ขณะที่ พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษา สบ. 10 เรียกประชุมตำรวจชุดสืบสวนทุกหน่วยและพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 9 ที่ สภ.หาดใหญ่ เพื่อติดตามเร่งรัดคดีดังกล่าว ซึ่งการสืบสวน ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบภาพคนร้ายเปลี่ยนเสื้อผ้าและทิ้งรถจักรยานยนต์ไว้ในซอยห่างจากจุดเกิดเหตุ 350 เมตร จากนั้นได้เดินปะปนไปกับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียและสิงคโปร์ บริเวณตลาดซีกิมหยง ที่อยู่ด้านหลังตลาดกิมหยง ซึ่งจุดดังกล่าว มีนักท่องเที่ยว 2 สัญชาติจำนวนมากมารับประทานอาหารและซื้อของฝาก จากนั้นคนร้ายได้นั่งรถจักรยานยนต์ ไปลงที่ สถานีขนส่งผู้โดยสาร อำเภอหาดใหญ่แห่งที่ 1 เบาะแสข้อมูลล่าสุดก็พบว่าคนร้าย อาจจะไปเช่าห้องพักอาศัยอยู่ในพื้นที่รอบนอก
พล.ต.ท. ปิยวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจประจำภาค 9 ตั้งรางวัลนำจับคนร้ายรายนี้ 1 แสนบาท หลังศาลจังหวัดสงขลา ออกหมายจับ นายอาหวู่พะ หรือ อุ หรืออาเฮีย สินเกา หรือ นายอนุชา แซ่โหยว หรือนายยี บุน ลงสัญชาติมาเลเซีย ในข้อหาชิงทรัพย์ โดยมีและใช้อาวุธปืนและทำด้วยประการใดเพื่อไม่ให้เห็น หรือจำหน้าได้ โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อกระทำความผิด เพื่อการผ่าตัดนั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการปรับปรุง ข้อหา มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหา พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร
อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบประวัติต้องโทษ พบว่าผู้ต้องหาเคยก่อเหตุคดีชิงทรัพย์ในปี 2560 ติดคุกจริง 2 ปี ส่วนคดีฆ่าผู้อื่น ติดคุกจริง 4 ปี