จัดโดยกรมควบคุมมลพิษ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ มาร่วมกันแลกเปลี่ยนแนวทางที่เหมาะสมในการจัดการขยะอาหาร มีผู้บริหารและผู้แทนสถานประกอบการเข้าร่วมกว่า 450 คน
ขยะอาหาร เป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดก๊าซเรือนกระจกที่สะสมในบรรยากาศ ซึ่งทำให้โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นหรือโลกร้อนขึ้น และยังเป็นเรื่องของทรัพยากรที่สูญเปล่า ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ ปริมาณขยะที่เกิดขึ้นทั้งปี 27 ล้านตัน เป็นขยะอาหารมากกว่า 10 ล้านตัน คิดเป็นเกือบ 40% และยังมีเรื่องของน้ำเสีย
ทุกวันนี้ประเทศไทยมีน้ำเสียที่เกิดขึ้นจากชุมชน 11 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน คิดเป็น 43% ของน้ำเสียทั้งหมด ซึ่งขยะอาหารและน้ำเสียก็จะมาจากบ้านเรือน จากผู้บริโภค จากธุรกิจต่าง ๆ ที่อยู่ในชุมชน จึงเป็นความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะต้องร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการให้ถูกต้องและดีขึ้น
โดยงานสัมมนาครั้งนี้มีการจัดเสวนา “แนวปฏิบัติที่ดีของผู้ประกอบการในการจัดการขยะอาหารและน้ำเสีย” โดยได้รับความร่วมมือจากหลายภาค
ดร.เฉลิมชัย กล่าวว่า ปัญหาขยะอาหารเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องร่วมกันแก้ไขอย่างบูรณาการ ไม่ใช่เฉพาะแต่ผู้ประกอบการ จำเป็นต้องสร้างจิตสำนึกตั้งแต่ครอบครัว และเยาวชนเพื่อสร้างความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหาขยะอาหารในระยะยาว การแก้ปัญหานี้จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย จากพี่น้องประชาชน ซึ่งหากไม่มีการสร้างความรู้ที่ถูกต้อง ปัญหาดังกล่าวก็จะดำเนินต่อไป
ด้วยเหตุนี้ จึงควรให้การจัดการขยะอาหารเป็นวาระสำคัญ ที่ต้องรณรงค์และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผมและหน่วยงานในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยินดีให้ความร่วมมือกับผู้ประกอบการและทุกภาคส่วนในการดำเนินการจัดการขยะอาหาร เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริงและเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ ดร.เฉลิมชัย ได้เน้นย้ำว่า “การจัดการขยะอาหารต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนมิใช่เพียงแต่ หน่วยงานภาครัฐ ซึ่งจะต้องเริ่มต้นตั้งแต่การลดและป้องกันการเกิดขยะอาหารตั้งแต่ต้นทาง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการจัดการขยะมูลฝอย”
