วันนี้ (10 เม.ย. 68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีแถลงผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด Seal Stop Safe ผนึกกำลัง 51 อำเภอชายแดน 76 สถานีตำรวจใน 14 จังหวัด
โดยตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.68 ที่ผ่านมาในห้วง 2 เดือนแรก ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. - 31 มี.ค.68 และการเผาทำลายยาเสพติดของกลางของสำนักงาน ป.ป.ส. ประจำปี 2568 (ครั้งที่ 2) ที่ห้องประชุม สำนักงานใหญ่ บริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) นิคมอุตสาหกรรมบางปู อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ
นายกรัฐมนตรี ชมวีดิทัศน์ สรุปผลการดำเนินงานสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด ที่สามารถจับกุมยาบ้า 76,556,800 เม็ด เพิ่มจากปี 2567 กว่า 20 ล้านเม็ด คิดเป็นร้อยละ 32 , จับกุมไอซ์ 7,527 กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากปี 2567 กว่า 7 พันกิโลกรัม เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 1,700 และกล่าวขอบคุณหน่วยงานภาคีในการขับเคลื่อนงานตามนโยบายรัฐบาล
ก่อนนายกรัฐมนตรี จะกล่าวว่า การแก้ปัญหายาเสพติดมีความคืบหน้าเพราะความร่วมมืออย่าง บูรณาการ เรื่องนี้ไม่สามารถทำโดยภาคส่วนใดหรือหน่วยงานหน่วยหนึ่งได้ ก่อนที่ตนจะเข้ามาเป็นนายกฯ ได้ลงพื้นที่หาเสียงพบว่าเรื่องที่พี่น้องบ่นและเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสในทุกพื้นที่ คือ เรื่องของยาเสพติดและพูดตลอดขอให้รัฐบาลช่วยปราบยาเสพติดเพราะเมื่อมี1 คนในบ้านติดยยา จะแพร่ในชุมชนอย่างรวดเร็วและส่งผลเสียต่อสถาบันครอบครัว ชุมชนไปจนถึงจังหวัดและระดับประเทศดังนั้นทุกคน ทุกภาคส่วนมีส่วนสำคัญอย่างมากในการที่จะช่วยให้ยาเสพติดน้อยลงจนหมดลงไปได้
ตอนนี้ประเทศไทยไม่ใช่เป็นแหล่งผลิตแต่เป็นทางผ่านฉะนั้นเราต้องคอยสกัดเพื่อไม่ให้ยาเสพติดถูกลักลอบเข้ามาในประเทศ โดยกองทัพทำในเรื่องของซีลชายแดนไว้อยู่แล้วและได้ผลดีมาก เมื่อประชาชนเห็นเครื่องแบบไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือทหาร มีความอุ่นใจและสบายใจที่เราเข้ามาปราบปรามอย่างจริงจัง
จึงต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยให้ยาเสพติดหมดไป สิ่งที่เราจะทำต่อคือเรื่องการบำบัด ตรงนี้สำคัญเห็นหลายพื้นที่ได้บำบัดไปกว่า 300,000 คน ถือว่าเยอะมากและคิดว่าจะช่วยลดการกลับเข้าสู่วงจรยาเสพติดได้อย่างดี จึงอยากเน้นย้ำตรงนี้และให้คิดเสมอว่าผู้ที่เสพยาคือ ผู้ป่วยที่ไม่สบาย เราต้องรักษาให้เขากลับเข้าสู่สังคมได้ต้องต้อนรับกลับเข้าสู่สังคมให้เป็นกำลังสำคัญและเป็นศักยภาพที่ดีของประเทศต่อไปในอนาคต
ช่วงที่ผ่านมาเราได้แก้ไขปัญหายาเสพติด และปัญหาอาชญากรรม โดยใช้มาตรการ 3 ตัด ตัดน้ำมันตัดไฟ ตัดอินเตอร์เน็ต รวมถึงปฏิบัติการ Seal Stop Safe ได้ผลมากและเป็นกำลังใน 51 อำเภอชายแดนและ 76 สถานีตำรวจใน 14 จังหวัด นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา โดย กำหนดระยะเวลา 6 เดือน ที่จะปราบอย่างเด็ดขาด และจะติดตามผลทุก 2 เดือน จนมั่นใจแล้วว่าหมดจริง ไม่มีการลักลอบนำเข้ามา
ส่วนการเผาทำลายยาเสพติดที่จับกุมและยึดไว้ของทาง ป.ป.ส. เพื่อแสดงให้เห็นว่าให้ประชาชนสบายใจว่ายาเสพติดที่จับมา ได้นำมาเผาจริงจะและไม่ถูกวนกลับเข้าไปในสังคม หรือวนเข้ามาถึงเด็กและเยาวชน ทุกภาคที่ดำเนินการตรงนี้ ทำให้ประชาชนสามารถไว้วางใจได้ว่าเข้าสู่กระบวนการเผาจริง เผาให้เห็นกับตา ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าเราจับแล้วมีกระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ขอให้ทุกคนร่วมมือกันอย่างบูรณาการ ถ้ามีปัญหาหรือต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนอะไรเพิ่มเติมให้พูดคุยกัน เราเต็มที่และยินดีที่เรื่องนี้เพราะจะเป็นเรื่องเครื่องมือเครื่องใช้ในการดูแลเจ้าหน้าที่ ยืนยันว่ารัฐบาลมีเจตนาที่แน่วแน่และของทุกภาคส่วนเห็นว่ายาเสพติดเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศและเป็นวาระแห่งชาติ และเราทุกคนพร้อมที่จะทำให้ยาเสพติดหมดไปจากประเทศไทยของเรา
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ชมบูธนิทรรศการแสดงผลการดำเนินงานปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด บริเวณลานด้านข้างตึกสำนักงานใหญ่ โดยชมการทดสอบใช้น้ำยาเคมีสุ่มตรวจสอบยาเสพติด ยาบ้ายาไอซ์ เฮโรอีน และคีตามีน ซึ่งยาเสพติดแต่ละชนิดต้องใช้น้ำยาเคมีที่แตกต่างกัน และนายกรัฐมนตรี ได้สอบถามวิธีการเสพของแต่ละชนิดด้วย และเวลาจับรู้ได้อย่างไรว่าเป็นยาเสพติดประเภทไหน
โดยของกลางที่จับกุมได้ 80 คดี น้ำหนักยาเสพติดของกลางและสิ่งห่อหุ้ม รวม 27,816.69 กิโลกรัม จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้สวมหมวกนิรภัย พร้อมสวมแมสก์ เพื่อชมไปดูการเผาทำลายยาเสพติด