ข่าวเย็นประเด็นร้อน - คดีรถเก๋งป้ายแดงเฉี่ยวท้ายชนรถกระบะจนเสียหลักไปชนกับขอบทาง ทำให้คนขับบาดเจ็บหนัก ตำรวจเรียกตัว "พีช" เข้ามาตรวจสอบปมแผ่นป้ายทะเบียนปลอม และความผิดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว
ประเด็นที่ยังเป็นที่ถกเถียงกันมากที่สุด คือ จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ปาดชนกันระหว่างรถของ "พีช" กับรถกระบะของ "ลุง" และ "ป้า" หลังออกจากด่านเก็บเงินบนถนนมอเตอร์เวย์มา ต้องยอมรับว่า รถกระบะของ "ลุง" และ "ป้า" ได้เบี่ยงเลนเข้าไปในช่องทางขวาสุดจริง และเป็นจังหวะเดียวกับ นายพีช เร่งความเร็วรถขึ้นมา จึงเกิดเหตุการณ์ปาดหน้ากัน แต่จะทำให้ชนกันจริงไหม รถเสียหายหรือไม่ ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็น
แต่การกระทำของ "นายพีช" หลังจากนั้น ที่ขับรถตามประกบ ไล่ปาดซ้าย ปาดขวา ก่อนจะเอาช่วงท้ายของรถตัวเองไปเบียดชนกับหน้ารถกระบะ จนเสียหลักชนแบร์ริเออร์ ทำให้ "ลุง" และ "ป้า" ได้รับบาดเจ็บ เป็นสิ่งที่สังคมมองว่า ถ้าไม่มีกล้องวงจรปิดแล้วตำรวจยึดเอาคำให้การของพีช บวกกับความน่าเชื่อถือที่เป็นลูกของนักการเมือง และอ้างว่ารู้จักผู้ใหญ่หลายคน อาจทำให้ "ลุง" และ "ป้า" ไม่ได้รับความเป็นธรรม
โดยเฉพาะที่ไปให้การไว้กับตำรวจว่า มีรถยนต์กระบะสีดำเปลี่ยนช่องทางเดินรถ มาในช่องทางเดินรถที่ 4 จึงได้พยายามหักหลบทำให้รถเสียหลักไปชนแบร์ริเออร์ด้านขวา รถเสียหาย จากนั้นผู้ขับรถกระบะได้ขับต่อไป จึงขับตามและพยายามให้จอด ก่อนที่รถกระบะจะมาชนด้านท้ายขวาของ "พีช"
นอกจากนี้ ยังมีการแสดงออกค่อนข้างชัดเจนหลังเกิดเหตุการณ์ ที่พยายามจะชี้ว่าอีกฝ่ายผิด
เพราะคำพูด และการแสดงออก ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ไปอ้างกับตำรวจว่ารู้จักผู้ใหญ่ และเรื่องที่บอกให้พยานลบคลิปที่ทำให้ตัวเองเสียหายออกจากโซเชียลฯ เลยทำให้ "ลูกสาว" ของผู้เสียหาย ต้องออกมาพูดแทนพ่อบ้าง โดยบอกว่า พ่อยืนยันว่าไม่เห็นรถคู่กรณีจริง ๆ และไม่รู้ว่าไปขับปาดตอนไหน ยอมรับว่ากังวล เพราะอีกฝ่ายเป็นลูกชายนักการเมืองชื่อดัง กลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
ล่าสุด "พีช" ได้พูดผ่านรายการโทรทัศน์แบบเปิดเผยว่า เรื่องบันทึกประจำวันที่แจ้งไว้กับตำรวจ ต้องการบอกแค่ว่าตนเองถูกเบียดแซงหลังออกจากด่านเก็บเงิน เลยพยายามจะไปหยุดอีกฝ่าย ส่วนเหตุที่เกิดการเบียดชนกันครั้งที่ 2 เกิดจากระหว่างนั้นได้ขับรถโดยจับพวงมาลัยมือเดียว อีกมือได้โบกเรียกให้ฝ่ายของคู่กรณีจอดรถ จึงไม่ได้มองทาง และไม่รู้ว่ารถของตัวเองเซไปชนกับคู่กรณีหรือไม่ แต่ยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาขับปาดเบียด จนไปทำให้รถของอีกฝ่ายประสบอุบัติเหตุ ได้รับบาดเจ็บ
"พีช" ยืนยันว่า แค่พยายามจะหยุดรถที่เฉี่ยวชน ตอนนี้รู้สึกโล่งใจที่ได้ออกมาพูดความจริงบ้าง ยืนยันว่า พรุ่งนี้จะเข้าไปขอโทษคู่กรณีต่อหน้า เพื่อพูดคุยตกลงเยียวยาความเสียหาย ฝากขอโทษชาวธัญบุรี ขอโทษสังคมที่เป็นแบบอย่างที่ไม่ดี และเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ส่งผลต่อการทำงานดูแลประชาชน
ส่วนประเด็นที่มีการอ้างชื่อ "อาต่าย" หรือต้องการจะสื่อถึง "ผบ.ตร." นักข่าวไปสอบถามกับ บิ๊กต่าย ก็ยื่นอกยอมรับว่า รู้จักกับ "นายกเบี้ยว" และลูกชายจริง แต่ไม่ใช่ญาติกัน ที่เรียกว่า "อาต่าย" เข้าใจว่าเป็นการเรียกตามประสาคนรู้จัก แต่หากนำไปโอ้อวดบารมี จะยิ่งทำให้ได้รับโทษหนักขึ้น ย้ำว่ามีลูกคนเดียว และถ้าทำอะไรผิดขึ้นมา แม้จะเป็นลูกของ ผบ.ตร. ก็จะไม่มีการช่วยเหลือ
เรื่องในทางคดีมีข้อสรุปมาจากตำรวจทางหลวง ว่าจะต้องดำเนินคดีกับทั้ง 2 ฝ่าย ฐานขับรถโดยประมาทจนทำให้ทรัพย์สินเสียหาย และดำเนินคดีกับ "พีช" เพิ่มในข้อหาไม่มีใบอนุญาตขับขี่ เนื่องจากใบขับขี่หมดอายุไปเมื่อปี 2564 และจะตรวจสอบอีก 2 ประเด็น คือ เรื่องการใช้แผ่นป้ายทะเบียนปลอม และขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด