สนามข่าว 7 สี - นโยบายสั่งหั่นยาแผนปัจจุบันออก แล้วให้จ่ายยาสมุนไพรให้ผู้ป่วยในโรงพยาบาล ก็มีดรามาถกสนั่น จนเจ้ากระทรวงสาธารณสุข ออกมาแตะเบรกเรื่องนี้ไม่ได้บังคับ
หลังหมอนำตารางสั่งจ่ายยาสมุนไพรแทนยาสามัญ มาโพสต์ กางให้อ่าน ให้ดูกันจะ ๆ ในโซเชียล พร้อมตั้งคำถามยาสมุนไพรเป็นตัวเลือกที่ดี แต่จะให้ใช้แทนยาแผนปัจจุบันจะได้จริงหรือ เพราะยาสมุนไพรก็มีข้อจำกัดในผู้ป่วยหลายกลุ่ม แถมหมอก็มีภาระเพิ่มเมื่อต้องศึกษายาสมุนไพรก่อนจ่ายยาให้คนไข้
เพราะไม่มีองค์ความรู้ด้านนี้ ที่สำคัญเครียดเพิ่มอีก เมื่อการจ่ายยาสมุนไพรนำมาใช้เป็นเกณฑ์ประเมินโรงพยาบาล มีผลต่อการจัดสรรงบประมาณให้ในอนาคตเสมือนถูกมัดมือชก
งานนี้ร้อนถึงเจ้ากระทรวงสาธารณสุข ก็ชี้แจงเรื่องนี้ว่า เป็นเพียงทางเลือก เพื่อสนับสนุนการใช้ยาแพทย์แผนไทย ลดการใช้สารเคมีเท่านั้น ขออย่าคิดมาก
พอมีข้อกังวลข้อจำกัดใช้ยาสมุนไพรกับผู้ป่วยที่อาจมีผลกระทบบางกลุ่ม ก็เกิดคำถาม นโยบายยาสมุนไพรใช้แทนยาเคมีส่อจะพับไหม
ผู้เชี่ยวชาญที่ต้องจ่ายยา 2 ชนิดร่วมกันในโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร มองเรื่องนี้ว่า ควรจะหารือและวางกติกาการใช้ยาร่วมกัน 3 ด้าน คือ แนวทางรักษาจะเสริมกันอย่างไร หมอทั้ง 2 สาย ต้องศึกษาทั้งยาเคมีและสมุนไพร รวมทั้งมีระบบส่งเสริมให้ทำงานร่วมกัน ถ้าทำได้ประโยชน์จะตกแก่ผู้ป่วย
ด้าน นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ยืนยันเรื่องจ่ายยาสมุนไพรแทนยาแผนปัจจุบัน ไม่ลิดรอนสิทธิ์ผู้ป่วย ซึ่งปกติยาใช้ในโรงพยาบาลก็มีทั้งยาสมุนไพรและยาปัจจุบันที่ขึ้นทะเบียนในบัญชียาหลักแห่งชาติ หมอก็สั่งจ่ายยาได้ทั้ง 2 กลุ่มอยู่แล้ว
อีกทั้ง ก่อนหน้าคณะกรรมการศึกษาการใช้ยาสมุนไพร เห็นชอบตัดยาแผนปัจจุบัน 5 รายการ แล้วจ่ายยาสมุนไพรแทน เพื่อรักษาอาการต่าง ๆ อาทิ ปวดเมื่อย ก็ใช้ครีมไพล, ถ้าไอ ก็ใช้ประสานมะแว้ง, กินเยอะ ท้องอืดท้องเฟ้อ ใช้ขมิ้นชัน, ระบบขับถ่ายไม่ดี ท้องผูก ก็ใช้มะขามแขก และริดสีดวง ก็ใช้เพชรสังฆาต ได้
ซึ่งกลุ่มโรคเจ็บป่วยเล็กน้อย ก็ใช้สมุนไพรได้ภายใต้ผลศึกษาเชิงวิชาการ หรือถ้าไม่อยากใช้ แม้ยาแผนปัจจุบันจะถูกถอดไปแล้ว แต่ก็มียาตัวอื่น ๆ ทดแทนกันได้อยู่
