วันนี้ (4 พ.ค. 68) พ.ต.อ.เชิดชัย ป้อชำนิ ผกก.สภ.ทุ่งหลวง ได้นำตัวนายอรัญ อายุ 41 ปี มาสอบปากคำหลังตกเป็นผู้ต้องหาจี้ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธมีดและใช้ยานพาหนะ บริเวณถนนสายทุ่งหลวง - บ้านเขากูบ ต.อ่างหิน อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ได้ทรัพย์สินไปเป็นกระเป๋าสะพายแบบผ้าภายในกระเป๋ามีเงินสด 1,200 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และบัตรประชาชนของผู้เสียหาย
ซึ่งนางจำลอง อายุ 66 ปี ผู้เสียหายซึ่งเดินทางมาชี้ตัวผู้ก่อเหตุเล่าว่า เมื่อช่วงเย็นได้ขี่รถพ่วงข้างจะไปตัดผม ซึ่งขณะที่ขี่รถไปก็เห็นว่ามีรถจยย. ซึ่งเป็นผู้ชาย สวมหมวกกันน็อกขี่ตามมา บางครั้งก็ตามห่างในช่วงที่มีคน แต่ช่วงที่ไม่มีคนก็จะขี่มาใกล้ แต่ก็คิดในใจว่าทำไมไม่แซงไป จนมาถึงทางแยกคนร้ายก็ขี่มาปาดหน้าแล้วจับแฮนด์รถไว้และบอกว่าอย่าหนี ถ้าหนีจะแทงเพราะคนร้ายถือมีดด้วย แล้วก็บอกว่าให้ส่งกระเป๋าให้ตอนแรกคนร้ายจะตัดสายกระเป๋าด้วยความกลัวจึงยกกระเป๋าให้ไปและขอโทรศัพท์คือแต่คนร้ายบอกว่าไม่ให้
โดยตอนนั้นตกใจมากเพราะเห็นมีดยาว พอคนร้ายได้กระเป๋าก็ขี่รถกลับไปทางเก่า โชคดีที่คนร้ายไม่ได้ทำร้าย และก็อยากจะขอบคุณเจ้าหน้าที่ตร. ที่จับคนร้ายได้เร็วจะได้ไม่ไปก่อเหตุที่อื่นอีก ซึ่งตนเองนั้นมีโรคประจำตัวหลายโรคหลังถูกก่อเหตุก็รีบกลับไปบอกกับสามีและรีบกินยาความดันเพราะความกลัวทำให้นอนไม่หลับทั้งคืน
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายอรัญ ผู้ต้องหาขณะถูกนำตัวมาสอบสวน เบื้องต้นนายอรัญให้การว่าที่ต้องก่อเหตุเพราะต้องการเงินไปซื้อชุดนักเรียนให้ลูกเพราะใกล้จะเปิดเทอมแล้ว แต่เงินที่มีนั้นไม่พอก็เคยไปขอยืมคนอื่นแล้วแต่เขาก็ไม่มีก็เลยตัดสินใจมาก่อเหตุ
ทางด้านพ.ต.อ.เชิดชัย ป้อชำนิ ผกก.สภ.ทุ่งหลวง เผยว่าคนร้ายใช้รถจยย. สีแดง-ดำ ซึ่งเป็นรถที่คนร้ายอ้างว่าขอยืมญาติมาเป็นพาหนะในการก่อเหตุโดยขี่ตามรถผู้เสียหาย พอได้จังหวะปลอดคนก็เลยก่อเหตุใช้อาวุธมีดทำครัวจี้ชิงทรีพย์ผู้เสียหาย