พ่อเลี้ยง ฉวยโอกาสแม่เด็กไปขายหมูที่ตลาดตอนเช้า ข่มขืนลูกเลี้ยงอายุ 11ปี ลูกเล่าให้แม่ฟัง แต่แม่เฉยไม่ทำอะไร ผู้ใหญ่บ้านทราบเรื่องรีบพาเด็กเข้าแจ้งความ
(12 พ.ค.68) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 9 พ.ค. เวลาประมาณ 19.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.งาว ได้รับการร้องทุกข์จากนางนิศารัตน์ ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภองาว จ.ลำปาง โดยได้พาเด็กหญิงอายุ 11 เข้าแจ้งความ เพื่อให้ดำเนินคดีกับพ่อเลี้ยง หลังทราบว่า ได้ลงมือกระทำชำเลา ลูกเลี้ยงอายุ 11 ปี
จากนั้นในวันรุ่งขึ้น (10 พ.ค.) พ.ต.ต.สุรวัช ต่อสวย พร้อมกำลังชุดสืบสวน สภ.งาว ได้ออกติดตามตัวพ่อเลี้ยง คือนายเอ (นามสมมติ) อายุ 43 ปี ซึ่งไปเจอตัวบนถนนใหญ่ในหมู่บ้านที่เกิดเหตุ มีท่าทางคล้ายคนติดยาเสพติด และผู้ต้องหารับสารภาพว่าเสพยาบ้ามาก่อน จึงนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.งาว ตรวจปัสสาวะพบมีสีม่วง จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับผลตรวจร่างกายของลูกเลี้ยงอายุ 11 ปี แพทย์ผู้ตรวจรักษามีความเห็นว่า มีพยานหลักฐานว่ามีร่องรอยเยื่อพรหมจารีฉีกขาด มีแผลถลอกบริเวณอวัยยวะเพศ และพบสารคัดหลั่งในช่องคลอด อาจจะเคยผ่านการล่วงล้ำของ อวัยยวะเพศหรือสิ่งอื่นใดเข้าไปในช่องคลอด จึงน่าเชื่อว่าผู้เสียหาย ถูกผู้ต้องหาได้กระทำชำเราโดยผู้เสียหายไม่ยินยอมจริง และจากการรวบรวมหลักฐานทุกอย่างชัดเจนแล้ว ชุดสืบสวนได้แจ้งข้อหากระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน15ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม เพิ่มในคดีนี้กับผู้ต้องหา โดยรวมเป็นคดีเดียวกัน ซึ่งนายเอ พ่อเลี้ยง รับสารภาพว่า ขณะกระทำชำเราลูกเลี้ยง ได้เสพยาบ้ามาก่อน 1 วัน
สำหรับเหตุกการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดเมื่อช่วงวันที่ 9 พ.ค.68 เวลาประมาณ 05.00 น. ขณะนั้นผู้เป้นแม่ ได้ออกไปขายหมูในตลาด ส่วนพ่อเลี้ยงอยู่บ้านกับลูกสาว จากนั้นได้ลงมือกระทำชำเราลูกที่นอนห้องเดียวกัน ในวันเดียวดัน ลูกสาว ได้เล่าเรื่องนี้กับแม่ แต่เมื่อแม่ทราบเรื่อง ก็ไม่ดำเนินการใด ๆ กับพ่อเลี้ยง เมื่อผู้ใหญ่บ้านทราบเรื่องจึงพาเข้าแจ้งความ เพราะทนกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้จริง ๆ
ทั้งนี้ทางพนักงานสอบสวนจะต้องมีการสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 7 ปาก จึงขอหมายขังผู้ต้องหาไว้ระหว่างการสอบสวนมีกำหนด 12 วัน นับจากวันนี้ 11 พ.ค. - 22 พ.ค.68
ส่วนเด็กหญิงอายุ 11 ปี วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวเข้าพบกับอัยการจังหวัดลำปาง พร้อมกับแม่และเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ เพื่อสอบปากคำของเด็ก ก่อนที่จะนำเด็กไปพักอาศัยในการดูแลของพี่สะใภ้ของผู้ต้องหา เนื่องจากฝ่ายแม่ไม่มีญาติและทางเจ้าหน้าที่ไม่มั่นใจว่า หากให้ไปอยู่กับแม่จะปลอดภัยหรือไม่ เนื่องจากหลังเกิดเหตุแม่ทราบเรื่องแล้วแต่เฉยไม่ดำเนินการใดๆในการปกป้องลูกของตัวเอง ซึ่งทาง พม.ก็จะเข้าไปดูเป็นระยะเพื่อประเมินว่าเด็กจะสามารถอยู่กับครอบครัวของพี่สะใภ้ของผู้ต้องหาได้หรือไม่ หากประเมินแล้วอยู่ไม่ได้ก็จะรับตัวมาอยู่ที่บ้านพักเด็กฯต่อไป