เวลา 15.00 น. วันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลตรีหญิง คุณหญิงชยุตรา วชิรพัทธโสภา เป็นผู้แทนพระองค์ไปในพิธีสมโภช "พระมหาธาตุเจดีย์มงคลสิทธาจารย์" ณ วัดตะโก อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โอกาสนี้ จุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธนวราชบพิตร กราบ รับศีล ประธานสงฆ์ให้ศีลจบ ผู้แทนพระองค์ ประกอบพิธีสมโภช "พระมหาธาตุเจดีย์มงคลสิทธาจารย์" สรงพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุในผอบแล้วหยิบผอบบรรจุลงในพระเจดีย์มอบให้เจ้าพนักงานพระราชพิธีอัญเชิญไปประดิษฐานในบุษบกบนพระมหาธาตุเจดีย์มงคลสิทธาจารย์ ชั้น 2
จากนั้น ผู้แทนพระองค์เปิด "พระมหาธาตุเจดีย์มงคลสิทธาจารย์" ซึ่งวัดตะโก ร่วมกับศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนจัดสร้างขึ้นเมื่อปี 2557 ตามดำริของพระมงคลสิทธาจารย์ (สำรวย ปาสาทิโก) อดีตเจ้าอาวาสวัดตะโก รูปที่ 4 เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ตลอดจนเป็นพุทธศาสนสถานสำคัญที่แสดงให้เห็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น และเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชน ออกแบบโดยคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยศิลปากร รูปแบบสถาปัตยกรรม เป็นเจดีย์ทรงระฆังแบบลังกา รองรับด้วยฐานแปดเหลี่ยม แวดล้อมด้วยเจดีย์บริวารอีก 8 องค์ โดยองค์เจดีย์ตั้งอยู่บนอาคารกว้าง 35 เมตร มีลานประทักษิณโดยรอบ มุมทั้ง 4 ทิศ มีศาลาทิศและหอระฆังตั้งอยู่ ภายในอาคารเป็นโถงประดิษฐานสรีระสังขารพระมงคลสิทธาจารย์ (สำรวย ปาสาทิโก) นอกจากนี้ ยังจัดแสดงนิทรรศการและภาพจิตรกรรมฝาผนังบริเวณโถงอาคาร บอกเล่าเรื่องราวและประวัติวัดตั้งแต่แรกสร้างจนถึงช่วงก่อสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ รวมถึงประวัติของพระมงคลสิทธาจารย์ (สำรวย ปาสาทิโก), ประวัติพระวชิรภาวนาภิรัต และภาพบอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ในแถบอำเภอภาชี ซึ่งเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวลาวที่อพยพมาจากนครหลวงเวียงจันทน์
ในการนี้ วางพวงมาลัยและจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสักการะสรีระสังขารพระมงคลสิทธาจารย์ (สำรวย ปาสาทิโก) ซึ่งเป็นพระเถระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีศีลาจารวัตรงดงาม จึงเป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก
วัดตะโก เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ในสมัยกรุงธนบุรีถึงกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ราวปี 2320 ชาวบ้านตะโกได้อพยพมาจากการนครหลวงเวียงจันทร์ มาตั้งรกรากอยู่บริเวณตำบลดอนหญ้านาง อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีต้นตะโกขึ้นอยู่มาก จึงเรียกว่า "บ้านตะโก" ครั้นเมื่อสร้างวัดขึ้นราวปี 2345 จึงเรียกว่า "วัดตะโก" โดยได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี 2541 และได้รับการพัฒนาเรื่อยมา โดยเฉพาะในสมัยพระมงคลสิทธาจารย์ (สำรวย ปาสาทิโก) มีการสร้างถาวรวัตถุ ขยายพื้นที่วัด จัดการศึกษาสำหรับพระภิกษุ และบูรณะปฏิสังขรณ์เสนาสนะต่าง ๆ ทำให้วัดมีความรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก ปัจจุบัน มีพระวชิรภาวนาภิรัต เป็นเจ้าอาวาส มีพระสงฆ์และสามเณร จำพรรษา 65 รูป