กระเทียมจีนแทรกแซง กระเทียมสายน้ำแร่พันธุ์ดีของไทยขายไม่ออก ซ้ำราคายังตกต่ำ

กระเทียมจีนแทรกแซง กระเทียมสายน้ำแร่พันธุ์ดีของไทยขายไม่ออก ซ้ำราคายังตกต่ำ

View icon 304
วันที่ 18 พ.ค. 2568 | 12.08 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
เกษตรกรน้ำตาตก!  กระเทียมจีนแทรกแซง กระเทียมสายน้ำแร่พันธุ์ดีของไทยขายไม่ออก ซ้ำราคายังตกต่ำ  วอนรัฐฯ ช่วยดูแล ขอกำไรเพียง 10 บาท/กก. ก็พอใจแล้ว 

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 ตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมจากตำบลห้วยโป่ง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน จาก 6 หมู่บ้าน จำนวนกว่า 50 คน รวมตัวกันเพื่อวอนขอภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงมาดูแลและให้การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียม ในพื้นที่ตำบลห้วยโป่ง ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีวี่แววพ่อค้าเข้ามารับซื้อกระเทียม แม้ว่าจะมีบางส่วนที่เข้ามาก็ต่อรองรับซื้อในราคาถูกมาก

เกษตรกรบางรายก็จำเป็นต้องขาย เพราะต้องการรายได้ ซ้ำเป็นช่วงของการเปิดภาคเรียน ต้องจ่ายค่าเทอม ค่าเล่าเรียนบุตรหลาน หนี้สินรุงรัง เพราะลงทุนปลูกกระเทียมไปแล้ว แต่กระเทียมกลับไม่ได้ขาย สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือเก็บกระเทียมแห้งเข้าโกดังไว้ รอวันที่ได้จำหน่าย

นางแรมจันทร์ ไชยสิทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านไม้ฮุง หมู่ที่ 3 ตำบลห้วยโป่ง ได้เปิดเผยถึงข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการ ของจำนวนเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียม และจำนวนกระเทียมที่มีอยู่ ของ 6 หมู่บ้าน ในตำบลห้วยโป่ง ว่า
บ้านไม้ฮุง มีเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียม จำนวน 38 ราย ผลผลิตกระเทียม 221,400 กิโลกรัม
บ้านแก่นฟ้า เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียม จำนวน 37 ราย กระเทียม 154,600 กิโลกรัม
บ้านกลาง เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียม จำนวน 37 ราย กระเทียม 184,100 กิโลกรัม
บ้านห้วยช่างคำ เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียม จำนวน 7 ราย กระเทียม 35,000 กิโลกรัม
บ้านป่าลาน กระเทียม 80,000 กิโลกรัม
บ้านห้วยโป่ง เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียม จำนวน 21 ราย กระเทียม 103,700 กิโลกรัม


ซึ่งหากรวมจำนวนพื้นที่การปลูกกระเทียม ของตำบลห้วยโป่งในปีนี้ ลดลงกว่าครึ่งของพื้นที่ปลูกทั้งหมดในปีที่ผ่านมา

ส่วนผลผลิตกระเทียมก็ลดน้อยลงกว่า 30% เพราะเกษตรกรในพื้นที่บางรายเปลี่ยนไปปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่น เช่น ถั่วลายเสือ เป็นต้น เพราะลงทุนน้อยและจำหน่ายได้ง่ายกว่า ย่อมแสดงให้เห็นว่าไม่ใช่ปัญหากระเทียมล้นตลาดอย่างแน่นอน คาดว่าน่าจะเป็นเพราะผู้บริโภคหันไปใช้กระเทียมที่มาจากประเทศจีน ซึ่งมีหัวขนาดใหญ่ ปอกเปลือกง่าย และราคาถูกกว่ากระเทียมของไทยนั่นเอง

ส่วนต้นทุนการปลูกกระเทียม อยู่ที่กิโลกรัมละ 50 บาท เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียม อยากขอราคาจำหน่าย กิโลกรัมละ 60 บาท ก็จะอยู่ได้ หากราคาต่ำกว่านี้คงลำบากกันไปหมด (ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมาได้จำหน่ายกระเทียมราคา กก.ละ 50-55 บาท)

นายแดง ปฎิพัทกวี เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมบ้านไม้ฮุง หมู่ที่ 5 ได้เปิดเผยว่า ในขณะนี้เกษตรกรเก็บกระเทียมเข้าโรงไว้ รอพ่อค้าเข้ามารับซื้อ แต่บางคนก็ได้ขายไปด้วยความจำเป็น ในราคา กก.ละ 22-30 บาท ซึ่งยอมขายแบบขาดทุน แต่ในช่วงนี้ไม่มีพ่อค้าเข้ามารับซื้อเลย จึงอยากวอนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาดูแลและช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมบ้าง

ด้านนายอาวุธ ขยันดี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยโป่ง กล่าวปิดท้ายว่า ปีนี้ พ่อค้าคนกลางเข้ามารับซื้อกระเทียมในพื้นที่น้อยมาก และราคาที่รับซื้อก็ต่ำ จึงทำให้กระเทียมตกค้างตามโกดังในหมู่บ้านต่าง ๆ เยอะมากกว่าทุกปี สรุปคือราคากระเทียมต่ำ ในขณะที่ต้นทุนการปลูกสูง อยากขอให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ลงพื้นที่มาดูปัญหาของชาวบ้านพี่น้องเกษตรกร เพื่อหาแนวทางแก้ไขช่วยชาวบ้าน

สำหรับกระเทียม ถือเป็นพืชเศรษฐกิจ ที่สร้างรายได้ สร้างงาน สร้างอาชีพ ให้กับประชาชนในพื้นที่ตำบลห้วยโป่งมานานแล้ว กระเทียมที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของกระเทียมพันธุ์ดี เพราะเป็นกระเทียมสายน้ำแร่ เป็นกระเทียมที่มีคุณภาพ และได้รับการันตีว่าเป็นกระเทียม GAP

ในวันนี้ เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมทุกคน ได้แต่รอคอยความหวังจากหน่วยงานของรัฐ ในการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของการตลาด เพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่ได้จำหน่ายกระเทียมในราคาที่เป็นธรรม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง