บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ มีมติชะลอ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ไม่มีกำหนด จนถึงเวลาที่เหมาะสม ยันไม่ใช่ถังแตก โยกงบฯ กระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวม “น้ำ-คมนาคม-ท่องเที่ยว-การศึกษา-SML-SME”
วันนี้ (19 พ.ค.68) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2/2568 ว่า ขณะนี้สถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลงไป เช่น ภาษีนำเข้าสหรัฐอเมริกา ซึ่งหลายๆ หน่วยงานก็มีความเห็นออกมา โดยเฉพาะสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ออกมาประเมิน GDP ของไทยปี 2568 จะต่ำกว่า 2% จึงทำให้รัฐบาลต้องทบทวนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายพิชัย กล่าวอีกว่า เราต้องทบทวนงบกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ที่เหลืออยู่ประมาณ 1.57 แสนล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหา โดยจะพิจารณาแก้ปัญหาเรื่องที่เราเห็นชัดเจนก่อน ซึ่งสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทยอยากเห็นการทบทวนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต วันนี้จึงมีการประชุมเพื่อดูว่าจะทบทวนอย่างไร โดยเราจะนำงบฯ ดังกล่าวไปแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเกี่ยวกับเรื่องน้ำอุปโภค-บริโภค, การเกษตร, ระบบคมนาคม, รถไฟความเร็วสูง, รถไฟรางคู่, ถนนสายต่างๆ รวมถึงการท่องเที่ยว ซึ่งสิ่งต่างๆ อยู่ในแผน แต่อะไรเร่งด่วนจะหยิบขึ้นมาดูเลย เช่น ปัญหาเรื่องของห้องน้ำที่ไม่สะอาด
ขณะที่ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของ SME ที่ต้องนำงบประมาณมาช่วยเหลือภาคการส่งออก รวมไปถึงทบทวนโครงการที่จะสามารถสร้างงานได้ทั้งหมด ในกลุ่ม SML โดยจะเน้นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน การจ้างงาน และการช่วยเหลือเยาวชน ด้านการศึกษา วันนี้ที่ประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจอนุมัติเป็นกรอบไว้ โดยมีคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการแผนงาน รวมถึงมีคณะกรรมการติดตามการใช้จ่ายงบประมาณด้วย
เมื่อถามว่า ดิจิทัลวอลเล็ตเร่งด่วนหรือไม่ นายพิชัย กล่าวย้ำว่า ดิจิทัลวอลเล็ต เราขอชะลอไปก่อน จนกว่าสถานการณ์เหมาะสม ยืนยันว่า เหตุผลในการชะลอ ไม่ใช่เพราะรัฐบาลไม่มีเงิน ซึ่งมีงบประมาณไว้อยู่แล้ว แต่วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนมีข้อจำกัดมากขึ้น จึงต้องปรับแผนการใช้เงิน ไม่เกี่ยวกับไม่มีเงิน และไม่ใช่การซื้อเวลา เพราะถ้าสถานการณ์ดีเราก็หยิบขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้ เพราะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยตรง แต่วันนี้เราอยากให้เกิดการจ้างงานก่อน จึงดูตามเหตุการณ์ที่เหมาะสม