ชายโรคร้ายรุมเร้าปีนแท็งก์น้ำประปาหมู่บ้านกระโดดลงมากระแทกพื้นคอหัก ดับ
วันนี้ (20 พ.ค.68) จากกรณีผู้ใช้เฟชบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์รูปภาพพร้อมกับระบุข้อความว่า “ชายวัย 59 ปี เครียดโรคร้ายรุมเร้าตัดสินใจ ปลิดชีพตัวเอง โดยกระโดดแท็งก์น้ำประปาหมู่บ้าน เหตุเกิดที่บ้านภูทอง หมู่ 11 ต.บ้านผือ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี สาเหตุคาดว่าผู้ตาย มีโรคประจำตัวมะเร็งช่องปากระยะสุดท้าย เลยขอลาโลกไป ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยครับ” เหตุเกิดเวลาประมาณ 01.30 น. วันที่ 20 พฤษภาคม 2568
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ พ.ต.ท.สุริยพันธ์ ธนบูรณาวัฒน์ สว.สอบสวน สภ.บ้านผือ เพื่อสอบถามข้อมูลและสาเหตุที่ผู้ตายทราบชื่อภายหลังคือ นายสันติสุข อายุ 59 ปี ชาวบ้านภูทอง ต.บ้านผือ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ป่วยเป็นมะเร็งช่องปากระยะสุดท้ายมานานหลายปี จึงทำให้มีความเครียดสะสม ก่อนตัดสินใจเดินออกจากบ้านปีนแท็งก์น้ำประปาหมู่บ้าน ที่มีความสูงประมาณ 10 เมตร แล้วกระโดดลงมาเสียชีวิต
แพทย์เวร รพ.บ้านผือ ระบุว่าคอหัก ตรวจค้นในตัวผู้ตายพบสมุดเขียนด้วยลายมือของตัวเองว่า “หายใจไม่ออก ทรมานหลาย ลาก่อน” และพบรองเท้าแตะผู้ตายถอดไว้ริมถนน ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนญาติไม่ติดใจในสาเหตุ จึงให้อาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน จุดบริการ อ.บ้านผือ นำศพมอบให้ญาติไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้าน ใน บ.ภูทอง ต.บ้านผือ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของผู้ตาย พบญาติพี่น้องและชาวบ้านกางเต็นท์ ไว้ต้อนรับแขกที่จะสวดอภิธรรมในคืนแรก โดยมี น.ส.สงวน น้องสาวผู้ตายได้จุดธูปบอกดวงวิญญาณที่หน้าโลงศพพี่ชาย ก่อนจะพาเดินไปที่แท็งก์น้ำประปาหมู่บ้านจุดเกิดเหตุ ที่อยู่ห่างจากบ้านประมาณ 80 เมตร พบการทำพิธีเชิญดวงวิญญาณผู้ตายกลับบ้าน ตามความเชื่อ โดยให้พระสงฆ์ 1 รูป มาทำพิธี โดยมีการปักเสา 4 ทิศ ตรงที่พบศพผู้ตาย ล้อมด้วยสายสิญจน์ ที่โคนเสาพบอาหารคาวหวานที่ทำด้วยกาบกล้วยวางอยู่ทั้ง 4 ต้น เพื่อให้รับผลบุญที่ญาติๆทำพิธีให้ที่บ้าน
น.ส.สงวน เล่าว่า พี่ชายแยกทางกับภรรยามาประมาณ 10 ปี ป่วยเป็นมะเร็งช่องปากมา 2 ปี จากการดื่มสุราหนัก และได้ตัดลิ้นออกไปครึ่งหนึ่ง ทำให้พูดไม่ได้ โดยหมอเจาะคอให้อาหารทางสายยาง เมื่อวานก็พาไปรับยาที่ รพ.บ้านผือ ก็ยังปกติ ไม่มีท่าทีจะจบชีวิตตัวเองเลย เมื่อคืนช่วงกลางดึกตนลุกเข้ามาเข้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงพี่ชายดูดเสมหะที่คออยู่ภายในห้อง พอตนออกมาจากห้องน้ำก็ไม่เห็นพี่ชายแล้ว รองเท้าแตะของแกก็หายไปด้วย จึงเดินออกตามหา แต่ก็ไม่พบตัว จึงเดินกลับมาตามหลานชายที่บ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากแท็งก์น้ำประปาหมู่บ้านประมาณ 80 เมตร เพื่อนำไฟฉายออกไปส่องดู เนื่องจากขณะเดินตามหาพี่ชายในรอบแรก ตนได้ยินเสียงเหมือนสิ่งของหนักหล่นกระทบพื้นเสียงดังตุบ ตรงบริเวณแท็งก์ประปาหมู่บ้าน
พอเดินไปรอบที่ 2 ส่องไฟฉายดู ที่แรกนึกว่าเป็นตุ๊กตา พอเดินเข้าไปใกล้ๆ จึงรู้ว่าเป็นร่างของพี่ชาย จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ไม่คิดว่าแกจะคิดสั้นแบบนี้ สาเหตุแกคงจะเครียดเรื่องโรคที่เป็นอยู่ และอีกหลายๆเรื่อง แกคงไม่อยากเป็นภาระให้กับคนในครอบครัว และแกก็เขียนจดหมายลาตายว่า “หายใจบ่อออก ทรมานหลาย ลาก่อน” ก่อนจะเกิดเหตุมีฝูงอีกามาร้องใกล้บ้านในตอนกลางวัน ช่วงกลางคืนก็มีสุนัขเห่าหอนบริเวณแท็งก์น้ำประปาหมู่บ้าน ซึ่งคนในหมู่บ้านเชื่อว่า อีการ้อง และหมาหอน จะมีคนเสียชีวิต แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นพี่ชายของตนเอง
