พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคกลาง, พลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง องคมนตรี รองประธานอนุกรรมการฯ, นายวัชระ หัศภาค ที่ปรึกษาด้านการพัฒนา และคณะฯ ไปตรวจเยี่ยมโครงการเขื่อนขุนด่านปราการชล อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก เป็นเขื่อนคอนกรีตบดอัดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เดิมชื่อ "เขื่อนคลองท่าด่าน" สร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เกี่ยวกับการกักเก็บน้ำไว้ใช้ทำเกษตรกรรม อุปโภค-บริโภค แก้ปัญหาดินเปรี้ยว และบรรเทาอุทกภัย ในจังหวัดนครนายก แล้วเสร็จเมื่อปี 2547 มีพื้นที่รับประโยชน์ด้านการเกษตร 185,000 ไร่ ใน 3 อำเภอ 15 ตำบล 96 หมู่บ้าน 9,104 ครัวเรือน ช่วยเพิ่มผลผลิตข้าวนาปีและนาปรังมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนสร้างเขื่อน ช่วยลดผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง อุทกภัย และแก้ปัญหาดินเปรี้ยว สามารถผลักดันน้ำเค็มไม่ให้รุกล้ำพื้นที่การเกษตร และรักษาสมดุลนิเวศ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำเก็บกัก 48.55 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 21.67 ของความจุอ่าง สามารถรองรับน้ำได้อีก 175.45 ล้านลูกบาศก์เมตร
พร้อมรับฟังสรุปภาพรวมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดนครนายก และการบริหารจัดการน้ำ ณ อาคารบริหารจัดการน้ำ โดยองคมนตรี มอบข้อเสนอแนะในการพัฒนาต่อยอดด้านต่าง ๆ ตั้งแต่ปี 2548 ถึงปัจจุบัน ได้ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำในเขื่อนฯ ไปแล้วกว่า 30 ล้านตัว เพื่อเป็นแหล่งอาหารแก่ประชาชน โดยเขื่อนฯ ยังช่วยทำให้น้ำใต้ดินมีปริมาณเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบัน มีระดับน้ำลึกจากผิวดินทั่วไปประมาณ 1-1.5 เมตร และสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 10 เมกกะวัตต์ 28 ล้านหน่วยต่อปี
ช่วงบ่าย เดินทางไปยังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครนายก พระบรมชนกชลพัฒน์ (พิพิธภัณฑ์เขื่อนขุนด่านปราการชล) จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเขื่อนขุนด่านปราการชล โบราณคดีท้องถิ่น และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในจังหวัดนครนายก ที่มีระบบบริหารจัดการตามมาตรฐานสากล และเป็นแหล่งท่องเที่ยว
จากนั้น ลงพื้นที่สวนศิริมงคล อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก ของ นางพยุง ศิริมงคล เกษตรกรผู้ได้รับประโยชน์จาก "โครงการระบบท่อส่งน้ำฝั่งซ้ายเขื่อนขุนด่านปราการชล-คลองสีเสียด อันเนื่องมาจากพระราชดำริ" รับฟังสรุปภาพรวมและติดตามการดำเนินโครงการในการสนับสนุนการต่อยอดและขยายผลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในตำบลหนองแสง อำเภอปากพลี สามารถเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนสำหรับทำการเกษตรในตำบลหนองแสง กว่า 3,000 ไร่ แก้ปัญหาขาดแคลนน้ำในหน้าแล้งให้สามารถทำการเกษตรได้ตลอดปี
