หมองยงเผยเดือน พ.ค.นี้ จะเป็นเดือนที่โควิด 19 ระบาดสูงสุด แล้วจะตามมาด้วยไข้หวัดใหญ่ พร้อมกับไข้หวัดธรรมดา rhinovirus
โควิดวันนี้ (27 พ.ค.68) ศ.นพ. ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงการระบาดของโรคโควิด-19 ว่า เดือนนี้ (พฤษภาคม) จะเป็นเดือนที่โควิด 19 ระบาดสูงสุด และจะตามมาด้วยไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นอย่างที่คาดการณ์ทุกปีโควิด-19 ที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนเมษายน จะระบาดสูงสุดหลังนักเรียนเปิดเทอม และจะไปเริ่มลดลงปลายเดือนมิถุนายนเข้าสู่เดือนกรกฎาคม
“ยอดผู้ป่วยในปีนี้น่าจะสูงกว่าปีที่แล้วมาก จากข้อมูลรายงานเข้าสู่กระทรวงสาธารณสุข จะเป็นจำนวนผู้ป่วยที่รับไว้รักษาในโรงพยาบาล ไม่ใช่ยอดที่แท้จริง ตัวเลขจริงต่างกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่มาก ทั้งที่ยอดผู้ป่วยโควิด 19 น่าจะมากกว่าไข้หวัดใหญ่อย่างมากเลยตอนนี้”
หมอยง บอกด้วยว่า โควิด 19 ได้เปลี่ยนเป็นโรคประจำฤดูกาลแล้ว ทำให้ความรุนแรงของโรคลดน้อยลงอย่างมาก ดังจะเห็นยอดการเสียชีวิต ปีนี้ (2568) ลดน้อยลงกว่าปีที่แล้ว (2567) มาก ปีที่แล้วเสียชีวิต 220 คน ปีนี้น่าจะต่ำกว่า 100 คน ถึงแม้ว่าจะมีผู้ป่วยเป็นจำนวนมากกว่าปีที่แล้ว ผู้ป่วยส่วนใหญ่จึงรักษาตัวเองอยู่ที่บ้าน หรือบางคนไม่ได้ตรวจ การแพร่กระจายของโรคติดต่อได้ง่ายขึ้น การเฝ้าระวังป้องกันตนเองลดน้อยลง จึงทำให้มีการแพร่กระจายอย่างมากและรวดเร็ว
หลังจากนี้เมื่อเปิดเรียนแล้ว 2-3 สัปดาห์ สิ่งที่ตามมาก็คือไข้หวัดใหญ่ จะระบาดตามมาพร้อมกับ ไข้หวัดธรรมดาหรือที่เรียกว่า rhinovirus ตามมาซ้ำเติมอีก จนกระทั่งถึงเดือนกรกฎาคม RSV จะมาหลังสุด โดย RSV จะมีช่วงระบาดเพียง 5 เดือนเท่านั้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนพฤศจิกายนก็จะครบวงรอบ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญพวกเราทุกคนต้องช่วยกัน ถึงแม้ความรุนแรงของโรคจะลดลงจากการที่เรามีภูมิต้านทานต่อโควิด 19 ทั้งการติดเชื้อมาแล้ว และเคยได้รับวัคซีนในอดีต ถึงแม้ว่าไวรัสจะเปลี่ยนสายพันธุ์ไปถึงตัวอักษร N แล้ว และก็จะเปลี่ยนสายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ ทำให้เป็นแล้วจึงเป็นอีกได้แต่ภูมิคุ้มกันดั้งเดิม เป็นสาเหตุที่ช่วยลดความรุนแรงของโรคลงไปเรื่อยๆ และในที่สุดก็จะเป็นโรคทางเดินหายใจธรรมดาโรคหนึ่ง