จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้ส่งเรื่องร้องเรียนผ่าน “เพจข่าวนนทบุรี” ว่า ตนเองเคยเลี้ยงดูลูกของพี่สาว 3 คน ตั้งแต่เกิด คือนายอาร์ม (คนโต) นายเสือ (คนกลาง) พ่อ-แม่เดียวกัน และนายช้าง (คนเล็ก) ซึ่งเป็นน้องชายต่างพ่อ ในอดีตนายเสือได้เคยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับนายช้างมานานแล้ว
แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 68 เวลา 18.00 น. นายเสือได้บุกเข้ามาที่บ้านย่านปากเกร็ด เพื่อทำร้ายนายช้าง โดยมีตนเองและคุณยาย ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่ด้วย นำปืนเข้ามาขู่ฆ่าตนเองว่าเลี้ยงดูไม่ดี ดุด่า ตีแต่นายเสือ นอกจากนี้ยังปากแจกันใส่คุณยายจนแขนบวม ตนเองจึงโทรแจ้งตำรวจ ซึ่งพ่อของนายเสือ เป็นอดีตตำรวจเกษียณราชการ และปัจจุบันยังเป็นนักแสดงหนังที่เห็นผ่านตาในหน้าจอโทรทัศน์ สั่งห้ามไว้ บอกว่านั่นคือหลาน ตนเองและครอบครัวรู้สึกกังวลว่านายเสือจะบุกเข้ามาทำร้ายซ้ำ เพราะนายเสือมีนิสัยนักเลง ทำตัวกร่างว่าเป็นลูกตำรวจ มีอิทธิพลและมีลูกพี่ใหญ่ที่ จ.สมุทรปราการ จึงมาร้องเรียนผ่านสื่อเพราะเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เบื้องต้น ได้แจ้งความไว้ที่ สภ.ปากเกร็ด
โดยภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 68 เวลาประมาณ 18.00 น. ได้มีรถกระบะ สีบรอนซ์เทา (ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน) ขับเข้ามาในหมู่บ้าน หลังจากนั้นมีชาย 2 คน เดินลงมาจากรถ คนแรกคือนายเสือ (เสื้อสีดำ สักลายเต็มตัว) ถัดมาคือนายเต๋า (เสื้อสีขาว เป็นบอดี้การ์ดทำงานที่เดียวกันกับนายเสือ) นายเต๋า ได้เดินเข้าไปที่ตึกพักอาศัยของผู้เสียหาย เพื่อไปดูว่ามีใครอยู่ในห้อง ก่อนจะเรียกให้นายเสือตามเข้าไปและก่อเหตุทำร้ายร่างกาย โดยมีนายเต๋า ยืมคุมเชิงอยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน ถัดมากล้องวงจรปิดจับภาพนิติบุคคล (สวมเสื้อสีส้ม) เดินเข้าไปที่ห้องพักและเดินกอดกับนายเสือออกมาบริเวณด้านนอกตึก เพื่อห้ามไม่ให้นายเสือทำร้ายร่างกายคนในบ้าน ก่อนจะมีนายเต๋า เดินตามออกมา และทั้ง 2 คน ได้ขับรถออกจากหมู่บ้านไป
ล่าสุด วันนี้ (27 พ.ค. 68) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พบน.ส.สุจินดา หรือ หน่อย (เสื้อสีแดง) อายุ 44 ปี น้าสาวของนายเสือ และ นางทองดี อายุ 85 ปี คุณยายของนายเสือ ที่ถูกทำร้ายร่างกาย ทำให้นิ้วมือขวาหัก นอกจากนี้ยังมีนายจุฬาลักษณ์ หรือนายช้าง อายุ 22 ปี น้องชายแท้ ๆ ที่ถูกนายเสือ บีบคอจนได้รับบาดเจ็บ โดยนายเสือ อ้างว่าสาเหตุมาจากความโกรธแค้น และตั้งใจจะมาล้างแค้นให้ครอบครัวของนายเสือ เอง
น.ส.สุจินดา เล่าว่า วันที่เกิดเหตุนายเสือกับนายเต๋า บุกเข้ามาที่บ้าน ระหว่างนั้นได้เจอนายช้างซึ่งนอนอยู่บริเวณข้างเตียงคุณยาย นายเสือ เดินเข้ามาบีบคอนายช้างขณะหลับอยู่ และเอาเท้ากดคอนายช้าง คุณยายที่นอนอยู่บนเตียงจึงลุกขึ้นมาห้ามไม่ให้นายเสือทำร้ายน้อง นายเต๋า พยายามเรียกนายช้างให้ออกไปต่อยกับนายเสือข้างนอกบ้าน แต่นายช้างไม่ออกไป
หลังจากนั้น นายเสือได้มีการถามนายช้างว่า จะเอาอย่างไรต่อ และบอกว่าแค้นมานานแล้วเรื่องเงิน ที่นายเสือ ยืมนายช้างไปจำนวน 80,000 บาท และถูกนายช้างทวงเงินคืน ทำให้นายเสือไม่พอใจ ตนจึงพยายามห้ามและรีบให้ลูกชายไปแจ้งตำรวจ แต่นายเสือ กลับพูดว่า “จะเอาแบบนี้หรอ ถ้าอยากตายกันหมดก็เอาแบบนี้ก็ได้” และบอกกับตนว่ามีปืนมาด้วย ก่อนที่นายเสือจะหยิบแจกันดอกไม้ใบใหญ่ปาเข้าไปที่คุณยายที่นอนอยู่บนเตียง แต่คุณยายเอาแขนมาบังไว้ ทำให้แจกันเข้าไปโดนที่นิ้วมือของคุณยาย ซึ่งตรวจภายหลังพบว่ากระดูกนิ้วหัก จากนั้นนายเสือ ก็ได้กลับออกไปโดยไม่มีการขอโทษ
ซึ่งย้อนไปก่อนหน้านี้ นายเสือได้มีการนัดเคลียร์เงินกับนายช้างครบแล้ว แต่เป็นการทยอยเงินคืนมา ทำให้นายช้างก็รู้สึกไม่พอใจ หลังจากนั้น นายเสือกลับบุกเข้ามาทำร้ายร่างกายนายช้างและคุณยาย อ้างว่าแค้นตอนเด็ก ที่บ้านตนเองเลี้ยงเขามาไม่ดี ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงคิดแบบนี้ เพราะตอนเด็กนายเสือเป็นคนเกเร คุณยายจะไล่ให้ไปโรงเรียนประจำ แต่นายเสือก็กลับไม่เรียนและหนีหายไปอยู่กับพ่อตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตอนเล็ก ๆ คุณพ่อคุณแม่นายเสือไม่เอาเลย คุณยายจึงต้องรับเลี้ยงตั้งแต่แรกคลอดยันโต ซึ่งตนก็เลี้ยงพวกเด็ก ๆ มาทั้งหมด 3 คน ที่เป็นพี่น้องกัน แต่ไม่เคยมีใครมีปัญหานอกจากนายเสือคนเดียว
หลังก่อเหตุเสร็จ นายเสือได้ออกจากห้องไปและได้ไปตามหานายหนุ่ย น้าชายที่เลี้ยงนายเสือมาด้วย ตามไปยันบ้านเพื่อไปขู่น้าชายให้ขอโทษเรื่องเมื่อตอนเด็ก ที่เคยชกต่อย ทำให้นายเสือเก็บกด ต้องการกลับมาแก้แค้น บังคับให้น้าชายกราบเท้า ซึ่งเขาก็ยอมทำเพราะนายเสือขู่ว่า มีปืนอยู่ที่เอว ซึ่งหลังจากวันนั้น นายเสือได้กลับมาอีกครั้งแต่เปลี่ยนรถขับเข้ามาภายในหมู่บ้าน ตอนนี้ตนเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของคนในครอบครัว และคิดว่าคงไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างแน่นอน เพราะพ่อของนายเสือเป็นอดีตตำรวจ โดยพ่อของนายเสือได้มีการโทรกลับมาหาตนว่าไม่ให้ตนไปแจ้งความเพราะเป็นลูกหลานกัน ทีแรกตนจะไม่เอาเรื่อง แต่หลังจากที่พาคุณยายไปตรวจร่างกายปรากฏว่าคุณยายกระดูกนิ้วหัก ตนจึงไม่ยอมความและยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด รู้สึกเสียใจมากเพราะตนเป็นคนเลี้ยงนายเสือมาตั้งแต่เด็ก
อยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินเรื่องให้ถึงที่สุด ตนได้ข่าวมาว่า นายเสือทำงานเป็นการ์ดอยู่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง และอยู่กับผู้มีอิทธิพลในจ.สมุทรปราการ เป็นคนดังในโซเชียล และยังมีการถ่ายรูปลงในเฟซบุ๊กโชว์อาวุธปืนหลายกระบอก รู้สึกกังวลกับความไม่ปลอดภัย เป็นห่วงคนแก่ ตอนนี้ปรึกษากันในครอบครัวไว้ว่าจะย้ายบ้านหนีคงดีที่สุด
ขณะที่ นางทองดี อายุ 85 ปี ยายของนายเสือ เล่าทั้งน้ำตาว่า วันเกิดเหตุตนนอนเล่นกันอยู่กับตา และหลาน ๆ นายช้างนอนที่พื้นใกล้เตียงของตน หลังจากนั้นเสือพุ่งเข้ามาทำร้ายน้องช้างทันที ตนไม่มีแรงที่จะห้ามจึงพยายามพูดเกลี้ยกล่อมให้นายเสือหยุด แต่เขาก็ไม่ยอมหยุด ตนจึงเรียก น.ส.หน่อย ให้เข้ามาห้าม ไม่งั้นนายช้างต้องตายแน่ ๆ เพราะนายเสือเข้ามาบีบคอจนตาเหลือก ที่ตนปล่อยให้นายเสือเข้ามาทีแรกเพราะเขาอ้างว่าจะมาเยี่ยมคนแก่ ไม่คิดว่าจะทำแบบนี้ ข่มขู่ว่ามีปืนอยู่ท้ายรถจะไปเอามายิงนายช้าง
"รู้สึกเสียใจมาก ๆ ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้ได้ ตนเลี้ยงนายเสือ ตั้งแต่แรกคลอดเพราะความสงสาร พ่อแม่ไม่เอา ตนจึงนำนายเสือ กลับมาเลี้ยงพร้อมกับน้อง ๆ ซื้อนม ซื้อแพมเพิส เลี้ยงดูจนเติบโต ทำทุกอย่างเพื่อหลาน แต่หลานกลับมาทำร้ายร่างกายตน ทุกอย่างปล่อยให้เป็นตามกฎหมาย ต่อไปให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการเพราะคนแบบนี้เก็บไว้ไม่ได้แล้ว"