“นภินทร” เร่งดันกฎหมายปราบบริษัทนอมินีถือหุ้นต่างด้าว เชื่อปราบหมดแน่ใน 6 เดือน
วันนี้ (27 พ.ค.68) นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึง ความคืบหน้าการตรวจสอบเรื่องบริษัทนอมินีในประเทศไทย ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ประสานกับกระทรวงมหาดไทย โดยเรามีรายชื่อบริษัทที่มีบุคคลต่างด้าวถือหุ้น 6 ประเภท ประมาณ 4.6 หมื่นบริษัท และยังมีที่อยู่จัดตั้งบริษัทว่าอยู่ที่ไหน โดย ประสานให้กระทรวงมหาดไทยส่งเรื่องมายังจังหวัดต่าง ๆ เพื่อ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่เป็นประธานคณะทำงานฯ ลงไปตรวจสอบบริษัทเหล่านี้ ว่า บริษัทเหล่านั้นได้กระทำธุรกรรม-ธุรกิจ อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายบุคคลต่างด้าวหรือไม่ หรือ ทำธุรกิจต้องห้ามตามกฏหมายต่างด้าว ขณะนี้อยู่ระหว่างแต่ละจังหวัด ตั้งคณะกรรมการลงไปตรวจสอบ โดยตนประสานกับพาณิชย์จังหวัดให้รายงานตนเองทุก ๆ 3 เดือน ทั้งนี้เชื่อว่าบริษัทเล็กๆตามจังหวัดต่างๆมีอยู่ไม่มาก ภายใน 3 เดือน จะสามารถดำเนินการตรวจสอบได้แล้วเสร็จ
ส่วนจังหวัดที่มีบริษัทลงทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจำนวนมาก อาจต้องใช้เวลาอีก 3 เดือนจึงจะตรวจสอบแล้วเสร็จ หากพบบริษัทใดเกี่ยวข้องกับธุรกิจต้องห้ามของลุคคลต่างด้าว ก็ต้องลงไปตรวจสอบในทางลึก ว่าคนไทยที่ถือหุ้นมีการลงเงินจริงหรือไม่ หรือมีสถานะที่สามารถถือหุ้นได้หรือไม่ มีความเกี่ยวพันกับบุคคลต่างด้าวอย่างไร และมีการเข้าไปบริหารงานมากน้อยเพียงใด ซึ่งจะสื่อให้เห็นว่าเป็นนอมินีหรือไม่ เพื่อให้สามารถดำเนินการตามกฏหมายต่อไป
“กำลังเร่งประสานงานกับ ปปง. ให้เพิ่มนอมินีเข้าไปในฐานความผิดของกฎหมายฟอกเงิน ซึ่งขณะนี้ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นแล้วอยู่ระหว่างการร่างกฎหมายของคณะกรรมการกฤษฎีกา คาดว่าไม่เกินสองเดือนน่าจะเสนอเข้าสู่คณะรัฐมนตรี และหากมีเรื่องนอมินีเข้าไปอยู่ในกฎหมายฟอกเงิน ก็จะสามารถตรวจยึดทรัพย์สินของบริษัทนั้นได้”
“พยายามจะเสนอในคณะรัฐมนตรี ว่าเมื่อกฎหมายเข้าสู่สภาให้คณะรัฐมนตรีมีมติให้ใช้คณะกรรมาธิการฯ เต็มสภา เพื่อพิจารณา 3 วาระรวด และ ประสานงานกับฝั่งวุฒิสภาว่ากฎหมายเหล่านี้เป็นกฎหมายเริ่งด่วน ควรที่จะพิจารณา 3 วาระรวด ซึ่งนอกจากนี้จะประสานไปยังประธานวิปรัฐบาลเพื่อเร่งกฎหมายฉบับนี้มาพิจารณาก่อน เชื่อว่าหากกฎหมายนี้ผ่านมาได้เร็วบริษัทต่างด้าวคงไม่กล้าใช้นอมินีคนไทย และจะปฏิบัติตามกฏหมายไทย คาดว่าหากสิ่งเหล่านี้ดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 6 เดือน บริษัทนอมินีน่าจะหมดไปจากประเทศไทย”