องคมนตรี ไปติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นวันที่สอง

View icon 321
วันที่ 30 พ.ค. 2568 | 20.04 น.
ข่าวในพระราชสำนัก
แชร์
พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคใต้ พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี รองประธานอนุกรรมการฯ, ที่ปรึกษาด้านการพัฒนา และคณะฯ ไปติดตามการดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นวันที่ 2 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสืบสาน รักษา และต่อยอดโครงการ ได้แก่ โครงการขุดคลองระบายน้ำชะอวด-แพรกเมือง พร้อมประตูระบายน้ำ และคันกั้นทราย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอหัวไทร แล้วเสร็จเมื่อปี 2548 สามารถป้องกันและบรรเทาอุทกภัยพื้นที่อำเภอชะอวด อำเภอหัวไทร อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอจุฬาภรณ์ และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครศรีธรรมราช รวม 2 แสนไร่ ส่งน้ำช่วยพื้นที่การเกษตร ประมาณ 97,000 ไร่ ป้องกันและบรรเทาปัญหาน้ำเค็มบุกรุกพื้นที่การเกษตรในช่วงหน้าแล้ง และเก็บกักน้ำจืดไว้ใช้อุปโภคบริโภค และการเกษตร โดยคันกั้นทรายสามารถป้องกันไม่ให้ตะกอนที่เคลื่อนตัวตามชายฝั่งตกลงบริเวณปากร่องน้ำ ลดการตื้นเขินของปากร่องน้ำ เป็นประโยชน์ในการระบายน้ำ และการเดินเรือเข้า-ออก ปากร่องน้ำคลองชะอวด-แพรกเมือง ของชาวประมงพื้นบ้าน 

นอกจากนี้ ได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างเกษตรกร โดยปรับปฏิทินปลูกข้าวนาปีหลังน้ำลด ระหว่างวันที่ 25 ธันวาคม -15 มกราคม ทำให้กรมชลประทานสามารถวางแผน จัดสรรน้ำและติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอำเภอหัวไทร เป็นพื้นที่นำร่อง มีเกษตรกรเข้าร่วม 1,010 ครัวเรือน บนพื้นที่ประมาณ 10,350 ไร่ ผลจากการปรับปฏิทินทำให้ผลผลิตข้าวเฉลี่ยเพิ่มขึ้น จากไม่เกิน 800 กิโลกรัมต่อไร่ เป็นมากกว่า 1 ตันต่อไร่ เป็นต้นแบบการบูรณาการระหว่างรัฐ ท้องถิ่น และเกษตรกรในการบริหารจัด การน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง สู่การพัฒนาการเกษตรแบบยั่งยืน

จากนั้น ไปติดตามโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าพรุควนเคร็ง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอเชียรใหญ่ เป็นป่าพรุผืนสุดท้ายของจังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งอยู่ในพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เนื้อที่ กว่า 300,000 ไร่ เป็นพื้นที่ที่มีความซับซ้อนเชิงนิเวศ และประสบปัญหาไฟป่าเป็นประจำทุกปี ได้รับผลกระทบน้ำเสียจากนากุ้ง และน้ำเปรี้ยวจากพรุ มีหน่วยงานร่วมดำเนินงานสนองพระราชดำริ 10 หน่วยงาน มีเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช 42 เครือข่าย ประสานการทำงานร่วมกัน โดยทำการรักษาระดับน้ำในป่าพรุให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมสำหรับควบคุมไฟป่า และเพิ่มประสิทธิภาพในการเฝ้าระวัง โดยเดินสำรวจ-ลาดตระเวน เพื่อป้องกันการบุกรุกป่าและลอบเผาป่า รวมถึงการเสริมสร้างจิตสำนึกการมีส่วนร่วมของราษฎรและเยาวชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่บริเวณป่าพรุควนเคร็ง พัฒนาคุณภาพชีวิตราษฎรโดยรอบโครงการ ให้สามารถดำเนินชีวิตร่วมกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ให้มีความอุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืน

ข่าวอื่นในหมวด