กรมราชทัณฑ์ แจง กรณีผู้คุมเรือนจำกลางคลองเปรม 2 คน ถูกผู้ต้องกัก ให้กักตัวไว้ตามโครงการ "JSOC" อีก 3 ปี แย่งกระบอกฟาด ได้รับบาดเจ็บสาหัส
จากกรณีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ไปแจ้งความเอาผิดกับผู้ต้องกัก ที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้คุมในเรือนจำกลางคลองเปรม ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 คน ล่าสุดวันนี้ ( 31 พ.ค.68 ) กรมราชทัณฑ์ ออกหนังสือชี้แจงรายละเอียดออกมาเพิ่มเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า ตามข้อมูลเดิม ผู้คุมเรือนจำกลางคลองเปรม แจ้งความกับ สน.ประชาชื่น ว่า มี "ผู้ต้องกัก" คดีความผิดทางเพศ ทำร้ายคนในครอบครัว ทำร้ายร่างกาย ทำร้ายผู้คุมระหว่างนำอาหารไปให้ ทำให้ ผู้คุมฯ ได้รับบาดเจ็บ แล้ว "ผู้ต้องกัก" ก็ยังอาละวาด ทำลายข้าวของเสียหายหลายรายการ
กรมราชทัณฑ์ ชี้แจงเพิ่มว่า จังหวะนั้นมี ผู้คุม 2 คน กำลังนำอาหารไปให้กับ "ผู้ต้องกัก" รายนี้ ซึ่งจังหวะไขกุญแจเพื่อเปิดประตูห้อง ปรากฏว่า "ผู้ต้องกัก" ดันประตูแล้ววิ่งสวนออกมา ก่อนจะมาแย่งเอาไม้กระบอกไปตีเจ้าหน้าที่เข้าที่ศีรษะ เบ้าตา และแผ่นหลังหลายครั้ง รวมถึงทำร้ายเจ้าหน้าที่อีกคน ที่พยายามเข้าไปช่วยเหลือด้วย
นอกจากนี้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า "ผู้ต้องกัก" มีประวัติเคยเข้าสถานพินิจฯ มาแล้ว 3 ครั้ง ก่อนจะมารับโทษในเรือนจำ คดีความผิดคดีเกี่ยวกับเพศ 2 ครั้ง และคดีความผิดต่อชีวิต และร่างกายอีก 1 ครั้ง เหตุผลเพราะ "ผู้ต้องกัก" มีอาการป่วยจิตเภท ทำให้ตอนที่พ้นโทษเมื่อปี 2566 ศาลฯ จึงมีคำสั่งให้กักตัวไว้ตามโครงการ "JSOC" อีก 3 ปี และให้กรมคุมประพฤติติดตามพฤติกรรมอีก 3 ปี เพื่อป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ แต่มาถึงแค่ปีที่ 2 ก็ก่อเหตุแล้ว
ซึ่งเรื่องของผู้ต้องขังที่มีอาการป่วยจิตเวชก็น่าเป็นห่วง มีรายงานภาพรวมของผู้ป่วยจิตเวชในไทย ว่าทุกวันนี้มีแค่ 38.7% เท่านั้น ที่เข้ารับการรักษา
และทุกวันนี้ก็ยังมีผู้ต้องขังที่ป่วยจิตเวช อยู่ในเรือนจำทั่วประเทศอีกกว่า 6 ,500 คน ถ้ารวม ๆ กับข้อมูลที่เคยมีการปล่อยตัวผู้ต้องขังที่ป่วยจิตเวช มาตั้งแต่ปี 2565 นับรวมถึงปัจจุบัน เท่ากับจะมี ผู้ต้องขังที่ป่วยจิตเวช เข้าและออกเรือนจำรวมแล้วกว่า 18,000 คน
