ปัญหาระดับนานาชาติ หลอกลวงเป็นแสนล้าน หลังปราบจนลงขึ้นก้นอ่าง ตอนนี้แก๊งคอลเซนเตอร์เริ่มกระดกหัว ตำรวจไซเบอร์ พบเริ่มใช้ AI ปลอมใบหน้า Deepfake
วันนี้ (9 มิ.ย.68) พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ เปิดเผยถึงการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ฉ้อโกงประชาชนว่า หลังยกระดับการปราบรามร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน หากเปรียบเทียบเป็นกราฟ เส้นกราฟของแก๊งคอลเซนเตอร์ลงขึ้นก้นอ่าง แต่ตอนนี้กราฟเริ่มกระดกหัวขึ้น พบการกระจายตัว ที่ตั้งของแก๊งขยับเข้าไปในพื้นที่ชั้นในมากขึ้น คอลเซนเตอร์รายได้จากการหลอกลวงประชาชนหลักแสนล้าน ดังนั้นแก๊งคอลเซนเตอร์จึงไม่ใช่ปัญหาของชาติใดชาติหนึ่ง แต่ยกระดับเป็นปัญหานานาชาติ
พล.ต.ต.ไตรรงค์ เปิดเผยว่า ขณะนี้แก๊งคอลเซนเตอร์ส่วนใหญ่ยังใช้คนโทร.มาหลอกลวง แต่ปัจจุบันเริ่มพบการใช้ AI ปลอมใบหน้า (Deepfake) คือ เทคโนโลยีที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการสร้างหรือแก้ไขใบหน้าผู้คนในภาพหรือวีดีโอให้เหมือนจริง ซึ่งมิจฉาชีพอาจนำเทคโนโลยีนี้มาหลอกลวงผู้คนโดยการสร้างวีดีโอปลอมของบุคคลที่มีชื่อเสียงหรือคนรู้จัก เพื่อขอข้อมูลส่วนตัวหรือเงินจากผู้ที่ถูกหลอก ดังนั้นอย่าเชื่อทุกอย่างที่เห็นในวิดีโอการตัดต่อและเทคโนโลยี AI สามารถสร้างภาพหรือเสียงที่ดูเหมือนจริงได้
จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังและไม่เชื่อถือข้อมูลจากแหล่งที่ไม่คุ้นเคยเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันตัวจากมิจฉาชีพ ดังนี้
1. ระวังการขอข้อมูลส่วนตัว หากมีการขอข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางการเงิน ควรระมัดระวังและไม่ให้ข้อมูลทันที
2. ตรวจสอบแหล่งที่มาให้ตรวจสอบแหล่งที่มาหรือหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ติดต่อก่อน
3. อย่ารีบทำธุรกรรมทางการเงิน หากมีการขอให้โอนเงินหรือทำธุรกรรมทันทีจากคนที่ไม่รู้จัก อย่าโอนจนกว่าจะยืนยันข้อมูลหรือถามคำปรึกษาจากคนใกล้ชิด
4. ใช้การยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน ตั้งค่าการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (Two-Factor Authentication) ในบัญชีออนไลน์เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
5. เรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี AI ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI และการใช้งาน เพื่อให้สามารถแยกแยะระหว่างสิ่งที่เป็นจริงและสิ่งที่เป็นการหลอกลวงได้
