คุมตัวเซลล์ขายรถ ยิงภรรยาฆ่าหมกรถฝากขัง แจ้งข้อหาหนักฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และ พ.ร.บ.อาวุธปืน ขณะที่ ผู้ต้องหา เผยรักลูก ก่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาซึม
11 มิถุนายน 2568 พนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม คุมตัวนายมีพาพัฒน์ เซลล์ขายรถที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงแฟนสาวฆ่าหมกรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 ไปขออำนาจศาลอาญาธนบุรี ฝากขังในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย , พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร , และยิงปืนโดยไม่มีเหตุอันควร
โดยระหว่างควบคุมตัวขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าหลังผ่านมา 1 วัน คิดทบทวนหรือยังว่าก่อเหตุไปเพราะอะไร แต่ผู้ต้องหาไม่ตอบเรื่องเกี่ยวกับคดีหรือมูลเหตุจูงใจ และยังคงอ้ำอึ้ง เพียงยิ้มมุมปากเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าบอกว่าอยากจะขอโทษฝ่ายหญิง และบอกว่ารักลูก ก่อนที่จะหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงออกมากำในมือ เป็นจังหวะเดียวกับรถผู้ต้องขังที่ขับออกไป
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวท้ายคำร้องฝากขัง เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ มีอัตราโทษสูง และเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ขณะที่พี่ชายของผู้ต้องหาก็บอกว่าอาจจะไม่ยื่นประกันตัวเช่นกัน
สำหรับนายมีพาพัฒน์ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำต่อหน้าทนายและพี่ชาย ซึ่งนายมีพาพัฒน์ก็ยังพูดจาปกติกับพี่ชาย ไม่ได้มีท่าทีผิดปกติ มึนเมา หรืออาการป่วยทางจิตเวชแต่อย่างใด แต่เมื่อให้การกับตำรวจ เจ้าตัวกลับให้การปฏิเสธในทุกข้อหา และให้การวกวน คล้ายยังช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงไม่ขอให้การใดๆ ทำให้ตำรวจก็ยังคงไม่ทราบมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุ
อย่างไรก็ตามแม้ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธ แต่พยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ที่เห็นภาพชัดเจนว่าในรถอยู่กันเพียง 2 คนขณะที่เสียงปืนดังขึ้น และกระจกถูกแรงดันกระสุนพุ่งทะลุออกมา จนกระจกแตก สอดคล้องกับวิธีกระสุนที่เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานคำนวณเบื้องต้น ที่พบว่าผู้ต้องหานั่งอยู่เบาะหลังคนขับ และวิถีกระสุนยิงมาจากข้างหลัง เข้าบริเวณท้ายทอยซ้าย ทะลุขมับขวา และทะลุกระจกข้างฝั่งคนขับออกไป
ซึ่งหลังจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบแนววิถีกระสุนในรถให้ชัดเจนอีกครั้ง ส่วนรถอีกคันของผู้ต้องหา ที่ก่อนเกิดเหตุ ขับออกไปพร้อมกับรถแฟนสาวนั้น ตำรวจยังคงตามหารถอยู่ ยังไม่ชัดเจนว่าผู้ต้องหานำรถไปจอดไว้ที่ใด ส่วนอาวุธปืน 3 กระบอกที่ตรวจยึดได้จากห้องผู้ต้องหานั้น ยังอยู่ระหว่างรอผลตรวจกระสุนว่าเป็นปืนกระบอกใดที่ใช้ก่อเหตุ แต่ทั้ง 3 กระบอกเป็นปืนมีทะเบียน และในจำนวนนี้ 2 กระบอกเป็นปืนของผู้ต้องหาเอง ส่วนอีก 1 กระบอกเป็นปืนชื่อบุคคลอื่น ส่วนขณะจับกุมที่พบปืนอีกหลายกระบอกนั้น ส่วนใหญ่เป็นปืนอัดลมและปืนของเล่น มีปืนจริงเพียง 3 กระบอกเท่านั้น