นายกฯ ติดตามสถานการณ์ชายแดน ขอทุกฝ่ายร่วมทำงานเป็นทีมประเทศไทย

นายกฯ ติดตามสถานการณ์ชายแดน ขอทุกฝ่ายร่วมทำงานเป็นทีมประเทศไทย

View icon 261
วันที่ 11 มิ.ย. 2568 | 12.17 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
นายกฯ ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ ติดตามสถานการณ์ชายแดน ขอให้ทำงานร่วมกันเป็นทีมประเทศไทย รัฐบาลพร้อมซัปพอร์ตทุกหน่วย เป้าหมายเดียวกันคือรักษาสันติภาพ ไม่อยากให้ปลุกกระแสสร้างความรุนแรง  เพราะหากเกิดเหตุการณ์จะไม่ใช่เรื่องเล็ก ขอให้ประสานเปิดด่านเวลาตรงกันได้หรือไม่ แม่ทัพภาคที่ 2 แจงอาจมีนัยทางการเมืองของฝั่งกัมพูชา

วันนี้ (11 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ เพื่อประชุมติดตามสถานการณ์การคลี่คลายปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และมาตรการสนับสนุนและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน โดยใช้ห้องประชุมอัมพรพิมาน โรงพยาบาลกาบเชิง จ.สุรินทร์ เมื่อเดินทางมาถึงชาวบ้านสวมเสื้อแดงสกรีนเป็นรูปใบหน้านายกฯอิ๊งค์ มารอให้การต้อนรับ ก่อนจะขึ้นไปยังห้องประชุมเพื่อรับฟังการรายงานสรุปเหตุการณ์

สำหรับ จ.สุรินทร์มีพื้นที่ชายแดนยาว 125 กิโลเมตร บริเวณชายแดนครอบคลุม 4 อำเภอ ได้แก่ บัวเชด สังขะ กาบเชิง และพนมดงรัก มีจุดผ่านแดนถาวร 1 แห่ง คือ ช่องจอม และช่องทางธรรมชาติ 54 ช่อง โดยพื้นที่เสี่ยงที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ ได้แก่ บริเวณปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาเมือนโต๊จ

จากการประเมิน หากเกิดเหตุสู้รบ อาจส่งผลกระทบต่อ 287 หมู่บ้าน ใน 22 ตำบล 4 อำเภอ มีประชาชนกว่า 144,000 คน อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ปัจจุบันมีหลุมหลบภัย 224 แห่ง แต่บางส่วนชำรุดและไม่เพียงพอ ที่ผ่านมาได้เร่งซ่อมแซมและจัดสร้างเพิ่มเติม พร้อมขอความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน และประชาชนร่วมบริจาควัสดุจำเป็น เช่น ท่อกลม กระสอบทราย และปูน โดยสามารถนำส่งได้ที่ที่ว่าการอำเภอทั้ง 4 แห่ง หรือในหมู่บ้านเป้าหมาย

ในด้านแผนอพยพ ได้เตรียมศูนย์พักพิงชั่วคราว 65 แห่ง ในโรงเรียน วัด เทศบาล และ อบต. สำหรับรองรับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งมีจำนวนรวม 746 ราย ใน 4 อำเภอ พร้อมเตรียมปรับโรงพยาบาลพนมดงรัก และโรงพยาบาลกาบเชิง เป็นโรงพยาบาลสนาม หากเกิดเหตุฉุกเฉิน

ในส่วนของงบประมาณ สามารถใช้งบ อปท. และเงินทดรองราชการช่วยเหลือได้ทันที แบ่งเป็นงบฯ เชิงป้องกัน 10 ล้านบาท และกรณีเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน 20 ล้านบาท สำหรับใช้ในด้านอาหาร วัสดุอุปกรณ์ เจ้าหน้าที่ และค่าดำเนินการอื่น
ช่วงหนึ่งเมื่อนายกฯรับฟังข้อมูลเกี่ยวกับเวลาปิดปิดด่าน ซึ่งฝ่ายไทยเปิดด่านในเวลา 08.00-15.00 น. ส่วนประเทศกัมพูชา เปิดในเวลา 09.00 -16.00 น. เวลาที่ไม่ตรงกัน ทำให้การเปิดด่านเหลือเพียง 6 ชั่วโมง เขาเปิดหลังเรา 1 ชั่วโมง และปิดช้ากว่า 1 ชม. นายกฯ จึงได้สอบถามผู้เกี่ยวข้องว่า สามารถประสานปรับเวลาปิดเปิดให้ตรงกันได้หรือไม่

พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดไมโครโฟน ตอบนายกฯ ว่าจะพยายามเจรจาหาความชัดเจนอีกครั้ง โดยการเปิดปิดด่านที่ไม่ตรงกัน อาจจะมีนัยทางการเมืองของฝั่งกัมพูชา

หลังรับฟังรายงานสรุปเหตุการณ์ นายกฯ มอบนโยบายและกล่าวขอบคุณแม่ทัพภาคที่ 2 ที่อยู่หน้างานตลอด รู้สึกเห็นใจที่ได้รับแรงกดดัน และอยากให้ซักซ้อมการอพยพของเด็กนักเรียนให้เกิดความเคยชิน พร้อมเน้นย้ำในการสร้างสันติภาพและความสงบสุข ไม่อยากให้เกิดการปลุกกระแสสร้างความรุนแรง อยากให้คำนึงถึงชีวิตคนหน้างาน เพราะหากเกิดเหตุการณ์จะไม่ใช่เรื่องเล็ก ยืนยันว่า ผู้นำ 2 ประเทศได้พูดคุยกัน และเห็นตรงกันคืออยากเห็นความสงบสุข

“มหาดไทยเป็นบ้าน ทหารเป็นรั้ว ทุกฝ่ายต้องทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน คำพูดแบบไหนเป็นการคุยภายใน ยังไม่ควารสื่อสารออกมาภายนอก เพื่อให้เข้าใจตรงกัน ยืนยันจะทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุด และขอชื่นชมทหารที่ทำหน้าที่รักษาความสงบสุขของบ้านเมือง อะไรที่มีความเร่งด่วนจำเป็นขอให้ติดต่อตรงมายัง 2 กระทรวง ขอให้พูดคุยทำความเข้าใจกับประชาชนบ่อย ๆ อย่าปล่อยให้มี IO เฟกนิวส์สร้างความสับสนให้สังคม ขอให้ทุกท่านทำงานร่วมกันเต็มที่ เป็นทีมประเทศไทย รัฐบาลพร้อมซัปพอร์ตทุกหน่วย เป้าหมายเดียวกันคือรักษาสันติภาพ”