สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ดังนี้

View icon 383
วันที่ 11 มิ.ย. 2568 | 19.52 น.
ข่าวในพระราชสำนัก
แชร์
เวลา 14.56 น. วันนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ ทรงเปิดงานมหกรรมสุขศาลาพระราชทาน ครั้งที่ 3 พ.ศ.2568 หัวข้อ "ก้าวสู่ปีที่ 20 สุขศาลาพระราชทาน" โดยกระทรวงสาธารณสุข และภาคีเครือข่าย ร่วมน้อมนำพระราชดำริการพัฒนาสุขศาลาพระราชทาน ให้เป็นที่พึ่งด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ห่างไกล ทั้งยามปกติและยามฉุกเฉิน สำหรับให้บริการสาธารณสุขขั้นพื้นฐานแก่ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลตามแนวชายแดน พื้นที่พิเศษด้านความมั่นคงที่การสาธารณสุขเข้าไม่ถึง ทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการที่ได้มาตรฐาน เท่าเทียมและทั่วถึง มีคุณภาพชีวิตที่ดี

โอกาสนี้ พระราชทานประกาศนียบัตรแก่องค์กรที่ปฏิบัติงานสนับสนุนสุขศาลาพระราชทานดีเด่น และมีพระราชดำรัสเปิดงาน ปัจจุบัน ทั่วประเทศมีสุขศาลาพระราชทาน 27 แห่ง บริการประชาชนไทยและคนไร้รัฐ ปีละ 20,000-25,000 ราย ตั้งอยู่ในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 24 แห่ง อยู่ในชุมชนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3 แห่ง กระจายอยู่ตามแนวชายแดนในพื้นที่ 10 จังหวัด 19 อำเภอ เกิดเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านสุขภาพของชุมชนทั้งเชิงรุกและเชิงรับ เปิดโอกาสให้นักเรียนและคนในชุมชนได้เข้าถึงบริการและความรู้ด้านสุขภาพ ช่วยให้เกิดภูมิคุ้มกันและพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม ส่งผลให้ปัญหาด้านสุขภาพลดลง และประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

จากนั้น ทอดพระเนตรนิทรรศการโครงการสุขศาลาพระราชทาน อาทิ สุขศาลาพระราชทานในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 1 รับผิดชอบพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน และน่าน รวม 10 สุขศาลา แต่ละพื้นที่ พบปัญหาแตกต่างกัน จึงต้องแก้ไขให้ตรงตามความต้องการของคนในท้องถิ่น เช่น สุขศาลาพระราชทาน โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านโกแประ ตำบลแม่คง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประสบปัญหาการส่งต่อผู้ป่วย แก้ไขด้วยการวางแผนร่วมกับภาคีเครือข่าย ตั้งแต่รักษาเบื้องต้นตามคำแนะนำ ก่อนนำส่ง พัฒนาระบบการประเมินผู้ป่วยก่อนการส่งต่อตามมาตรฐานการรักษา และเลือกการส่งต่อให้เหมาะสม ที่ผ่านมา ส่งต่อผู้ป่วยปลอดภัยทุกคน และติดตามผลเยี่ยมบ้านหลังกลับจากโรงพยาบาล นอกจากนี้เครือข่ายร่วม เช่น บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) สนับสนุนระบบสื่อสารและเทคโนโลยี ตั้งแต่เริ่มโครงการปี 2549 ปัจจุบันสนับสนุนการจัดการข้อมูลสุขภาพ อบรมบุคลากรให้ใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ และนำระบบการรักษาด้วยแพทย์ทางไกลมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา ผลการปฏิบัติงานตามพระราชดำริ ก่อให้เกิดผลดีแก่ประชาชนและชุมชน ซึ่งผู้ปฏิบัติงานทุกคนสามารถพัฒนาคุณภาพให้บริการสาธารณสุขในสุขศาลาพระราชทานตามเกณฑ์คุณภาพ จากงานประจำไปสู่งานคุณภาพในพื้นที่ นำมาสรุปเป็นผลงานวิชาการ มีการประชุม แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์ เพื่อนำข้อคิดไปพัฒนางานให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน ชุมชน สนองพระราชดำริที่ต้องการให้คนไทยในทุกพื้นที่มีสุขภาพอนามัยที่ดี

เวลา 17.37 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ท่านผู้หญิงพันธุ์สวลี กิติยากร ณ ศาลาบัณณรศภาค วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ซึ่งถึงแก่อนิจกรรม เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 สิริอายุ 91 ปี

ท่านผู้หญิงพันธุ์สวลี กิติยากร ฐานันดรศักดิ์เดิม คือ หม่อมเจ้าพันธุ์สวลี ยุคล พระธิดาองค์ใหญ่ในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล กับหม่อมหลวงสร้อยระย้า ยุคล ประสูติเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2476 มีเจ้าน้องร่วมมารดา 2 องค์ คือ หม่อมเจ้าฐิติพันธุ์ ยุคล และคุณหญิงรังษีนภดล ยุคล และมีเจ้าน้องต่างมารดา 3 องค์ คือ หม่อมเจ้าภูริพันธ์ ยุคล, หม่อมเจ้านวพรรษ์ ยุคล และท่านหญิงภานุมา ยุคล (พิพิธโภคา) ทรงสำเร็จชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนราชินี เมื่อปี 2493 หลังจากนั้นทรงไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ ต่อมาได้ขอพระราชทานกราบถวายบังคมลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ เพื่อสมรสกับหม่อมราชวงศ์อดุลกิติ์ กิติยากร มีพระธิดา คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ และหม่อมหลวงสราลี กิติยากร  

ท่านผู้หญิงพันธุ์สวลี กิติยากร ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก มหาวชิรมงกุฎ และเครื่องราช อิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ

ข่าวอื่นในหมวด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง