สื่อกัมพูชา เผย หลังการประชุม JBC ทางกัมพูชาจะนำ 4 พื้นที่พิพาท ขึ้นสู่ศาลโลกตามเดิม

สื่อกัมพูชา เผย หลังการประชุม JBC ทางกัมพูชาจะนำ 4 พื้นที่พิพาท ขึ้นสู่ศาลโลกตามเดิม

View icon 194
วันที่ 15 มิ.ย. 2568 | 17.18 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
สื่อกัมพูชา เผยผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทย (JBC) โดยทางกัมพูชาจะนำ 4 พื้นที่พิพาท เข้าสู่การพิจารณาของศาลโลกตามเดิม แม้ไทยจะไม่ยอมรับอำนาจศาล และ 4 พื้นที่ดังกล่าวจะไม่เป็นหัวข้อ หารือ และแก้ไขภายใต้กรอบ JBC อีกต่อไป

วันนี้ (15 มิ.ย. 68) สำนักข่าว khmertimes รายงานว่า กัมพูชา เผยรายงานการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทย (JBC) ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 14-15 มิถุนายน พ.ศ.2568 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา หลังการประชุมแบบปิด ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันต่อในการประชุมเต็มคณะของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทย โดยเห็นพ้องที่จะอนุมัติวาระการประชุม 4 หัวข้อดังต่อไปนี้

1.ทบทวนและอนุมัติรายงานการประชุมครั้งที่ 4 ของคณะอนุกรรมการเทคนิคร่วมกัมพูชา-ไทย (JTSC) ลงวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 ที่เมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา
2.ทบทวนและหารือเกี่ยวกับการแก้ไข TOR ปี 2546 เกี่ยวกับการผลิตแผนที่ภาพออร์โธ (Orthophoto Maps) (ขั้นตอนที่ 2 ในข้อ 4 ของ TOR)
3.หารือและอนุมัติการส่งทีมสำรวจร่วมไปสำรวจและกำหนดเขตแดนในพื้นดินจริง ระหว่างตำแหน่งที่แน่นอนของจุดผ่านแดนที่ตกลงกันไว้ (ส่วนเส้นสันปันน้ำและเส้นตรง)
4.หารือแนวทางการสำรวจเขตแดน Sector 6 (การประชุมครั้งที่ 4 และการประชุมพิเศษ JBC ปี 2552)

ทาง นายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา แจ้งต่อนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย ว่า เพื่อรับรองว่าปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา จะมีแนวทางแก้ไขปัญหาชายแดนที่ยุติธรรม เป็นกลาง และยั่งยืนสำหรับทั้งสองประเทศ ฝ่ายกัมพูชาจึงขอความร่วมมือให้ฝ่ายไทยนำข้อพิพาทชายแดนในพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย เข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) และยืนยันจุดยืนของกัมพูชาในการดำเนินคดีทางกฎหมายโดยอิสระ แม้ว่าฝ่ายไทยจะไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ก็ตาม

นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังยืนยันกับฝ่ายไทยว่า หลังจากนี้ 4 พื้นที่ดังกล่าว (พื้นที่สามเหลี่ยมมรกต, ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด, ปราสาทตาควาย) จะไม่เป็นหัวข้อหรือวัตถุในการหารือและแก้ไขภายใต้กรอบคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทย (JBC) อีกต่อไป และนอกเหนือจาก 4 พื้นที่ดังกล่าว ที่อยู่ระหว่างการฟ้องร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) แล้ว ฝ่ายกัมพูชายังคงยืนหยัดในจุดยืนและมีความปรารถนาดีที่จะร่วมมือกับฝ่ายไทยในการส่งเสริมการวัดเขตแดนและปักปันเขตแดน ผ่านกลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทย (JBC) ต่อไป

นายฬำ เจีย ยืนยันว่านโยบายของรัฐบาลกัมพูชายึดมั่นในสันติภาพและแสวงหาเขตแดนแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือที่ดีกับฝ่ายไทย โดยยึดถือตามเอกสารกฎหมายและแผนที่ที่ตกลงร่วมกันตามที่ระบุไว้ในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะใช้แผนที่มาตราส่วน 1/200,000 ตามเจตนารมณ์ของอนุสัญญาฝรั่งเศส-สยามปี 2447 และอนุสัญญาฝรั่งเศส-สยามปี 2450 ในการดำเนินการปักปันเขตแดนและงานปักปันเขตแดน ซึ่งในเรื่องนี้ ฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธที่จะยอมรับแผนที่ที่ฝ่ายไทยได้ร่างขึ้นฝ่ายเดียวและใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงอย่างเด็ดขาด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของข้อพิพาทเรื่องพรมแดนเรื้อรังทั้งเมื่ออดีต ในปัจจุบัน และในอนาคต

การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทย (JBC) จัดขึ้นในบรรยากาศที่เป็นมิตรและเข้าใจกัน โดยมีจิตวิญญาณของการสนทนาที่เปิดกว้างและเป็นไปในทางบวก โดยการประชุมสิ้นสุดลงด้วยการหารือวาระการประชุมที่ตกลงกันไว้อย่างครบถ้วน และได้ลงนามบันทึกการประชุมอย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน 2568 และหลังจากนี้ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะประชุมกันอีกครั้งในเดือนกันยายน 2568