สนามข่าว 7 สี - เส้นเรื่องปมพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา เดินทางมาถึงวันที่กัมพูชายื่นศาลโลกตามที่ประกาศกร้าวไว้ ซึ่งประเด็นสำคัญที่นักวิชาการไทยหลายคนมองพ้องต้องกันว่ารัฐบาลต้องรีบแก้ นั่นก็คือ ยกเลิก MOU43 ที่ไทยเคยทำกับกัมพูชา และยืนยันเส้นแบ่งเขตตามสันปันน้ำ ซึ่งเป็นหลักสากลมากกว่า
เรื่องนี้ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เผยว่า ที่เห็น ๆ กันอยู่ว่าผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศกัมพูชาเป็นอย่างไร จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยเอกสารลงนามระหว่างไทยกัมพูชา ให้ประชาชนรับรู้ เนื่องจากคำแถลงทั้ง 2 ประเทศ ขัดแย้งกัน อยากขอให้รัฐบาลเปิดเผยสิ่งที่ลงนามไปในการประชุม ว่าลงนามอะไรไปบ้าง เพราะเสี่ยงทำให้ไทยเสียดินแดน 2 ล้านไร่ และให้ไปตกลงกันใหม่ เช่นเดียวกับยกเลิก MOU44
อีกประเด็นที่คลุมเครือก่อนการประชุม JBC ก็คือ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย อดีตเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ ประธานกรรมาธิการฝ่ายไทย ที่เกษียณอายุไปแล้ว กลับเลือกมาทำหน้าที่ประธาน หลายฝ่ายเรียกร้องให้ปลดออก ขอเป็นผู้มีความรู้ มีไหวพริบ รู้เท่าทันกัมพูชา
อีกทั้ง เรียกร้องให้ยกเลิก MOU43 ทั้งหมด เพราะเสี่ยงทำให้ไทยเสียดินแดน 2 ล้านไร่ และให้ไปตกลงกันใหม่ เช่นเดียวกับยกเลิก MOU44 และไทยต้องแถลงประท้วง ยืนยัน 4 จุดพิพาท ว่าเป็นของไทย ไม่ใช่แถลงจุดยืนเพียงแค่ว่า ไม่ไปศาลโลกอย่างเดียว
วอนรัฐบาลอย่าแทรกแซงกองทัพในการตัดสินใจ ซึ่งหากรัฐบาลยังเกรงใจกัมพูชา ที่เป็นอริราชศัตรู หวังจะยึดแผ่นดินไทย ก็สนับสนุนให้กองทัพประกาศกฎอัยการศึก และสุดท้าย MOU43 และ MOU44 ยังไม่เคยมีการลงพระปรมาภิไธยจากพระมหากษัตริย์ ถือว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นให้นำ MOU 2 ฉบับ เข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาเพื่อยกเลิก
อีกคนที่ออกมาเปรย ๆ หวังกระตุกความรู้สึกนายกฯ แพทองธาร ก็คือ นายแพทย์ วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความว่า "กราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรี คนที่ท่านควรปราม คือ กัมพูชา มิใช่คนไทยที่รักชาติ เหตุที่ประชาชนคนไทยออกมาแสดงความคิดเห็น และกระตุ้นผ่านโซเชียลมีเดีย มิใช่เพราะขาดความเป็นมืออาชีพ หรือไม่เคารพการเจรจาทางการทูต แต่เพราะสิ่งที่ขาดหายไป คือ การสื่อสารที่เพียงพอ และโปร่งใสจากฝ่ายรัฐบาล