ตลาดช่องจอมเงียบเหงา ผู้ค้าชาวกัมพูชา ยอมรับชีวิตได้รับผลกระทบแล้ว เคยขายของป่าได้วันละ 5 พัน ตอนนี้เหลือ 500 บาท ไม่อยากให้ปิดด่าน ทำมาหากินที่ฝั่งไทย ง่ายกว่าที่กัมพูชา
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ (17 มิ.ย.68) แม้ว่า สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์ข้อความกดดันไทยให้เร่งเปิดด่านชายแดน แต่บรรยากาศที่ด่านช่องจอม จังหวัดสุรินทร์เช้าวันนี้ยังคงปิดด่านตามประกาศเดิม บริเวณตลาดช่องจอม บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา ผู้ค้าที่เป็นชาวกัมพูชา ยอมรับชีวิตที่ต้องได้รับผลกระทบ จากเดิมเคยมีรายได้วันละ 5,000 บาท ตอนนี้เหลือเพียงวันละ 500 บาทเท่านั้น
ตลาดขายส่ง - ช่องจอม จังหวัดสุรินทร์ ยิ่งซบเซาลงอย่างมาก หลังเกิดเหตุพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ร้านค้าที่เคยเปิดขายสินค้าอยู่เต็มตลาด ตอนนี้หดหาย เหลือร้านค้าที่ส่วนใหญ่เป็นร้านของคนไทยจ้างลูกน้องชาวกัมพูชา อยู่ไม่ถึง 20 ร้านค้า ผู้ค้าอีกส่วนหนึ่งที่หายไปเป็นผู้ค้าชาวกัมพูชาที่ตอนนี้กลับภูมิลำเนาไปแล้ว
ทีมข่าว CH7HD พยายามสอบถามชาวกัมพูชาที่ยังอยู่ทำงานในตลาดแห่งนี้ ถึงสถานการณ์ของกัมพูชาฝั่งบ้านเขา หลังผู้นำออกมากดดันไทยให้เปิดด่าน ส่วนมากไม่กล้าเปิดหน้าให้สัมภาษณ์ เพราะกังวลจะมีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ เมื่อต้องกลับไปฝั่งกัมพูชา โดยพวกเขายืนยันคล้าย ๆ กับแรงงานชาวกัมพูชาในพื้นที่อื่น ๆ ว่า อยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว เพราะผลกระทบตกอยู่กับคนชายแดนทั้ง 2 ประเทศ
“เห็นชัด ๆ แล้วตอนนี้ จากที่เคยขาย“ของป่า” มีรายได้วันละ 5 พันบาท แต่ทุกวันนี้รายได้ลดลงเหลือเพียง 500 บาทเท่านั้น หายไป 90% จึงไม่อยากให้ปิดด่าน พร้อมยอมรับว่า หากินที่ฝั่งไทย ง่ายกว่าที่กัมพูชา”