นายกฯสั่งการเข้ม ติดตามสถานการณ์ “อิสราเอล -อิหร่าน” 24 ชม.และ ชายแดนไทย-กัมพูชา แบบรายชั่วโมง

นายกฯสั่งการเข้ม ติดตามสถานการณ์ “อิสราเอล -อิหร่าน” 24 ชม.และ ชายแดนไทย-กัมพูชา แบบรายชั่วโมง

View icon 152
วันที่ 17 มิ.ย. 2568 | 14.07 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
นายกฯ สั่ง ติดตามสถานการณ์ “อิสราเอล -อิหร่าน”  24 ชม. แม้ไม่มีคนไทยได้รับบาดเจ็บแต่ต้องพร้อมอพยพทันที  ขณะที่ไทย-กัมพูชา สั่งเพิ่ม  “ศบ.ทก” ทำงานรายชั่วโมงเพื่อให้ข้อมูลการตัดสินใจแก้ปัญหาในทุกมิติ ให้กับ สมช. และ ครม.พิจารณา  เชื่อมั่นสถานการณ์จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น

วันนี้ (17 มิ.ย.68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าใน ที่ประชุม คณะรัฐมนตรีวันนี้ ได้รายงานสถานการณ์คนไทยในประเทศอิสราเอล และอิหร่าน โดย กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงแรงงาน ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสถานเอกอัครราชทูตทั้ง 2  ประเทศ ในการดูแลและเตรียมความพร้อมในทุกมิติ หากมีความจำเป็นต้องอพยพ  โดยนายกรัฐมตรีตรีได้สั่งการให้มีความพร้อมตลอดเวลา ซึ่งได้รับรายงานว่า คนไทยใน 2 ประเทศ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บต่อการโจมตีแต่อย่างใด แต่ให้เตรียมการไว้ให้พร้อมตลอดเวลา

ส่วน สถานการณ์ ไทย -กัมพูชา พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ รายงานว่า ในการแก้ไขปัญหา ทั้งระดับหน้างาน หรือชายแดนที่นายกรัฐมนตรีได้เคยมอบหมายให้ กองทัพที่รับผิดชอบดำเนินการต่อไปตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม มานั้น  ทั้งหน้างานชายแดน ยังมีส่วนของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ต้องประชุมเพื่อขออนุมัติดำเนินการต่างๆ เพื่อให้การแก้ไขสถานการณ์เป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้นตามสถานการณ์ทุกวัน  จึงได้ตั้งศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา  หรือ ศบ.ทก. ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ขึ้น เพื่อบูรณาการการปฏิบัติงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา  โดยมุ่งหมายที่จะแก้ไขความตึงเครียดและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนกับประเทศกัมพูชาอย่างมิตรประเทศ ที่ใฝ่สันติจะพึงปฏิบัติต่อกัน บนหลักการทวิภาคีและด้วยสันติวิธีเคารพซึ่งกันและกันในเอกราช อธิปไตย ความเสมอภาค และบูรณภาพแห่งดินแดน รวมทั้งเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเกี่ยวกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นต่อสาธารณชน

โดย ศบ.ทก.  มีหน้าที่ และอำนาจติดตาม ตรวจสอบ วิเคราะห์ กลั่นกรอง และประเมินสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา อย่างใกล้ชิด ทุกเวลาและให้ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับมาตรการที่จำเป็นเพื่อเป็นประโยชน์ในการบริหาร สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรีแล้วแต่กรณี และร่วมกันบูรณาการการปฏิบัติงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ให้มีความเป็นเอกภาพ และเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเกี่ยวกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ต่อสาธารณชน

ทั้งนี้ ให้มีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน หรือมอบหมายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม  และรายงานผลการปฏิบัติงานและการบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรี แล้วแต่กรณี เพื่อทราบเป็นระยะ

รวมถึงการดำเนินการอื่นใดตามที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี มอบหมายในการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจให้คำนึงถึงความมุ่งหมายที่จะแก้ไขความตึงเครียดและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนกับประเทศกัมพูชาให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติอย่างเช่นมิตรประเทศที่ใฝ่สันติจะพึงปฏิบัติต่อกันบนหลักการทวิภาคี อย่างเท่าเทียม และด้วยสันติวิธี เคารพซึ่งกันและกันในเอกราช อธิปไตย ความเสมอภาค บูรณภาพแห่งดินแดน และเอกลักษณ์ของทั้งสองประเทศ และโดยปราศจากการแทรกแซงของประเทศที่สามหรือองค์กรระหว่างประเทศทั้งปวง   ทั้งนี้ เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ให้ผู้อำนวยการศูนย์รายงานต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อทราบ และมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งนี้ โดยคณะกรรมการ ศบ.ทก.จะประชุมนัดแรก วันนี้ เวลา 13.30 น.ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ