“อับดุล สารีเต๊ะ” ชายหัวใจเกินร้อย วิ่งลุยจากปัตตานีไปบุรีรัมย์ เพื่อระดมทุนช่วยเหลือทหารชายแดน
วันนี้ ( 23 มิ.ย.68) นายอับดุล สารีเต๊ะ อายุ 52 ปี หรือที่รู้จักกันดีในฉายา “อับดุลนักวิ่ง 999” ชาว อ.มายอ จ.ปัตตานี ผู้เปี่ยมด้วยพลังใจเกินร้อย ได้เริ่มต้นเส้นทางวิ่งครั้งใหม่อีกครั้ง หลังจากเคยสร้างสถิติอันน่าทึ่งในการวิ่ง 72 จังหวัดทั่วประเทศ รวมระยะทางกว่า 6,000 กิโลเมตร ภายในเวลา 4 เดือน เมื่อปลายปีที่ผ่านมา (17 พฤศจิกายน 2566) ซึ่งในครั้งนั้นเขาสามารถระดมทุนช่วยเหลือโรงพยาบาลมายอ ได้เงินสนับสนุนมากกว่า 1 ล้านบาท
โดยครั้งนี้ อับดุล กลับมาพร้อมภารกิจครั้งใหม่ ภายใต้โครงการวิ่งจากปัตตานีไปยังบุรีรัมย์ รวมระยะทางกว่า 1,500 กิโลเมตร ใช้เวลาโดยประมาณ 35 วัน โดยมีเป้าหมายเพื่อระดมทุนจัดซื้ออาหาร เครื่องดื่ม และอุปกรณ์สำหรับสร้างบังเกอร์เพื่อส่งมอบให้แก่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน
บังดุลได้เริ่มต้นวิ่งจากบ้านพักใน อ.มายอ เวลา 08.00 น.ของวันนี้ โดยมีครอบครัว ญาติสนิท และชาวบ้านในพื้นที่มาร่วมส่งกำลังใจอย่างอบอุ่น พร้อมขบวนเชียร์ที่ร่วมให้กำลังใจตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกจากบ้าน
ระหว่างเส้นทางวิ่ง ประชาชนสองข้างทางในแต่ละอำเภอที่ผ่าน ต่างออกมาโบกมือทักทาย นำเงินมาบริจาคสมทบทุน และร่วมถ่ายภาพเก็บความประทับใจ พร้อมเปล่งเสียงเชียร์ให้บังดุลมีกำลังใจตลอดเส้นทาง สร้างบรรยากาศคึกคักและอบอุ่นเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับ อับดุล ถือเป็นบุคคลต้นแบบที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับพี่น้องชาวปัตตานีและประชาชนทั่วประเทศอย่างแท้จริง เดิมทีเขาประกอบอาชีพเป็นเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยในพื้นที่ อ.มายอ คอยช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและผู้ป่วยฉุกเฉินในพื้นที่มาโดยตลอด ด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยความเสียสละและอุทิศตน เขาจึงตัดสินใจผันตัวมาเป็นนักวิ่งจิตอาสา เริ่มต้นเส้นทางวิ่งเพื่อการกุศลตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา
ทุกครั้งที่มีโปรแกรมวิ่ง บังดุลมักพาลูกๆ ทั้งสองคนร่วมวิ่งไปด้วยเสมอ เพื่อปลูกฝังแนวคิดในการช่วยเหลือสังคม แต่สำหรับครั้งนี้ ลูกๆ ติดภารกิจทางการศึกษา ทำให้บังดุลต้องออกวิ่งลำพัง ซึ่งเขาเผยว่า แม้ว่าจะต้องวิ่งคนเดียว แต่หัวใจยังเกินร้อย พร้อมฝ่าทุกอุปสรรคและจะขอทำหน้าที่นี้ให้สำเร็จเพื่อพี่น้องทหารชายแดนและสังคมไทย
นายอับดุล สารีเต๊ะ เปิดเผยว่า วันนี้ตนตั้งใจวิ่งระดมทุนเพื่อ สนับสนุนช่วยเหลือ ทหารที่อยู่ชายแดน โดยเฉพาะการซื้ออุปกรณ์สร้างบังเกอร์ แล้วอาหารต่างๆ เพื่อนำสิ่งของไปมอบให้กับทหารที่อยู่บุรีรัมย์แล้วก็ทหารที่อยู่ชายแดน สำหรับการวิ่งในครั้งนี้ก็ไม่เหนื่อย แต่ก็ดีใจและภูมิใจมาก เพราะตนตั้งใจทำเพื่อสังคมโดยไม่ได้หวังผลตอบแทนอะไร เพราะรู้สึกว่าถ้าทำแล้วตนก็มีความสุข แล้วก็ทำให้คนรอบข้างก็มีความสุขด้วย
ซึ่งตนได้ออกจากวิ่งจากอำเภอมายอ มุ่งหน้าไปยังจังหวัดบุรีรัมย์ ระยะเวลา 35 วัน และระยะทางประมาณ 1,500 กิโลเมตร ซึ่งตั้งใจว่า 1 วันจะวิ่งได้ 50 กิโลเมตร ส่วนครอบครัวตนก็รู้สึกตื่นเต้นแล้วก็ดีใจที่ตนได้ทำเพื่อส่วนรวมแล้วก็ทำเพื่อสังคม ซึ่งตนก็พร้อมที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติเพราะตนก็เป็นคนไทยเหมือนกัน ช่องทางไหนที่สามารถช่วยได้ตนก็จะช่วยเหลือ แม้ว่าจะมี ดรามาแต่ตนก็ไม่ได้สนใจอะไร
