นายกฯ อิสราเอล ประกาศชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ หลังอิสราเอลยับยั้งภัยคุกคามจากการทำลายล้างด้วยนิวเคลียร์ และขีปนาวุธพิสัยไกล 20,000 ลูก ของอิหร่านได้ในสงคราม 12 วัน ย้ำ อิหร่าน จะต้องไม่มีอาวุธนิวเคลียร์
วันนี้ (25 มิ.ย. 68) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล แถลงการณ์ผ่านวิดีโอว่า อิสราเอลขจัดภัยคุกคามต่ออิสราเอลออกไปแล้ว 2 ประการ คือ ภัยคุกคามจากการทำลายล้างด้วยนิวเคลียร์ และภัยคุกคามจากการทำลายล้างด้วยขีปนาวุธพิสัยไกล 20,000 ลูก และหากใครก็ตามในอิหร่านพยายามฟื้นฟูโครงการเหล่านี้ขึ้นมาอีกครั้ง ทางอิสราเอลจะขัดขวางอย่างตั้งใจและรุนแรง และขอย้ำว่าอิหร่านจะไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ โดยชัยชนะครั้งนี้เป็นชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ที่คงอยู่ชั่วรุ่นต่อรุ่น
นอกจากนี้ นายกฯ อิสราเอล ยังกล่าวอีกว่า สหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรของอิสรเอล ได้สนับสนุนอิสราเอลอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยภายใต้การนำประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ใต้ดินของอิหร่าน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประกาศว่าอิหร่านและอิสราเอลบรรลุข้อตกลงหยุดยิงแล้ว แต่ทางอิสราเอลออกมากล่าวหาว่า อิหร่านละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ด้วยการยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอล และเตรียมตอบโต้ อย่างไรก็ตาม อิหร่านออกมาปฏิเสธคำกล่าวหาของอิสราเอลแล้ว โดยระบุว่าการโจมตีที่ฝ่ายอิสราเอลกล่าวอ้าง เกิดขึ้นในช่วงเวลาก่อนที่ข้อตกลงหยุดยิงที่ "ทรัมป์" เป็นตัวกลางในการเจรจา จะมีผลบังคับใช้ และเตรียมตอบโต้กลับเช่นกัน แต่สุดท้าย "ทรัมป์" ได้โพสต์ข้อความเตือนอิสราเอลอีกครั้งว่า "อย่าทิ้งระเบิด มิฉะนั้นจะถือว่าละเมิดข้อตกลง ขอให้บินอิสราเอลกลับทันที" และอิสราเอลได้ยกเลิกการโจมตีเพื่อรักษาข้อตกลงยุติสงครามทางอากาศ 12 วันกับอิหร่าน
ทั้งนี้ ทางนายกฯ อิสราเอล ยังกล่าวอีกว่า งานของอิสราเอลยังไม่จบ เพราะสงครามกับ “กลุ่มฮามาส” ในฉนวนกาซา ยังไม่จบ ซึ่งยังมีตัวประกัน 50 คน ถูกกลุ่มฮามาสจับตัวไว้ หลังบุกโจมตีอิสราเอลเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ.2566 โดยอิสราเอลต้องปล่อยตัวตัวประกันทั้งหมดทั้งที่ยังมีชีวิตและเสียชีวิต
