สลด! เด็กพิเศษวัย 5 ขวบ เดินไปเข้าห้องน้ำ ครูเดินตามไปทีหลัง เจอรองเท้าในสระน้ำโรงเรียน รีบขอความช่วยเหลือนำเด็กขึ้นมา สุดท้ายเสียชีวิต ครอบครัวเศร้า ตั้งคำถามความปลอดภัย-การดูแลจากครู
วันนี้ (27 มิ.ย.68) เกิดเหตุเด็กนักเรียนวัย 5 ขวบ จมน้ำเสียชีวิตในสระน้ำภายในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ต.หนองธง อ.ป่าบอน จ.พัทลุง โดย น.ส.กฤติยา ครูประจำชั้น ให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุ น้องเอ (นามสมมุติ) ได้ขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำปัสสวะ ตนได้ปลดตะขอกางเกงให้ และบอกว่าให้เดินไปก่อน ขอครูสั่งงานเพื่อนให้ห้องแป๊บเดียว เดี๋ยวตามไป หลังจากสั่งงานเสร็จจึงตามไป แต่ไม่พบน้องเอแล้ว จึงเดินตามหา กระทั่งพบรองเท้าของน้องเอวางอยู่ใกล้สระน้ำ 1 ข้าง และอีก 1 ข้างอยู่ในสระน้ำ จึงรีบขอความช่วยเหลือจากครูในโรงเรียน
จากนั้นครูผู้ชายในโรงเรียนก็กระโดดลงไปในน้ำและนำร่างเด็กขึ้นมา และปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำส่งโรงพยาบาลป่าบอน แต่สุดท้ายน้องก็เสียชีวิต
สำหรับบริเวณสระน้ำจุดเกิดเหตุมีขนาดยาว 30 เมตร กว้าง 2 เมตร ลึกประมาณ 1.5 เมตร อยู่ด้านหลังห้องน้ำของโรงเรียน เดิมเคยใช้เลี้ยงปลา แต่ปัจจุบันถูกปล่อยร้าง ไม่มีการป้องกันหรือปิดกั้นพื้นที่แต่อย่างใด หลังเกิดเหตุญาติได้เชิญพระมาประกอบพิธีเชิญดวงวิญญาณ และนำศพกลับไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดหลักสิบ ต.หนองธง อ.ป่าบอน ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว
พี่สาวของน้องเอ ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า น้องเอเป็นเด็กพิเศษ มีอาการลิ้นหัวใจรั่ว และร่างกายไม่แข็งแรง เข้ารับการผ่าตัดหัวใจ ทำให้เรียนช้ากว่าเพื่อนคนอื่นๆ 1 ปี โดยน้องเอเพิ่งย้ายมาเรียนที่โรงเรียนเกิดเหตุเมื่อปีการศึกษาล่าสุด ทางครอบครัวได้แจ้งโรงเรียนแล้วว่าน้องเป็นเด็กพิเศษ ขอให้ดูแลใกล้ชิด โดยทุกครั้งหากน้องจะเข้าห้องน้ำเพื่อถ่ายหนัก ครูจะเรียกพี่สาวของน้องซึ่งเรียนอยู่ชั้น ป 1 ในโรงเรียนเดียวกันไปช่วยดูแลล้างก้นให้น้อง แต่ครั้งนี้น้องขอไปปัสสวะ ซึ่งควรมีครูไปดูแลเช่นกัน ครอบครัวรู้สึกเสียใจและตั้งคำถามถึงความรับผิดชอบของครูผู้ดูแล
ด้าน แม่ของน้องเอ อายุ 38 ปี ซึ่งยังอยู่ในอาการเศร้าโศก กล่าวทั้งน้ำตาว่า “ลูกชายของตนควรเป็นเคสสุดท้าย ไม่ควรมีเด็กคนใดต้องสูญเสียชีวิตเช่นนี้อีก” พร้อมตั้งข้อสังเกตเรื่องสระน้ำที่มีอยู่ภายในโรงเรียน ทางโรงเรียนควรมีมาตรการป้องกันที่เข้มงวดกว่านี้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีเด็กเล็กๆ
อย่างไรก็ดี เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อสอบถามความคืบหน้า และมาตรการความปลอดภัยจากทางผู้บริหารของโรงเรียน และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่รับผิดชอบ กลับได้รับการปฏิเสธ พร้อมระบุว่า “ยังไม่พร้อมให้ข้อมูล”