วันนี้ (4 ก.ค. 68) พ.ต.ต.ปิยพล ฉัตรภูมิ สว.สส.สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งว่าพบนายศิริชัย อายุ 48 ปี คนเร่ร่อนที่ก่อเหตุแทง นายสมเกียรติ อายุ 49 ปี เสียชีวิต อยู่ภายในร้านก๋วยเตี๋ยว บริเวณฝั่งตรงข้ามทางเข้าปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ท่าตะเภา อ.เมือง จ.ชุมพร จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองชุมพร
เมื่อไปถึงไม่พบตัวนายศิริชัย อยู่ภายในร้านแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้กระจายกำลังออกติดตามจนพบนายศิริชัย เดินอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมันดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปควบคุมตัว พร้อมแสดงหมายจับของศาลจังหวัดชุมพร ที่ จ.220/2568 ลงวันที่ 3 กรกฎาคม 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา” ให้ดู ก่อนนำตัวมาสอบสวนที่ศูนย์ปฏิบัติการชุดสืบสวน สภ.เมืองชุมพร
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ (1 ก.ค.68) ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ปนินทร โชติ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีด บริเวณหน้าวัดแห่งหนึ่ง และได้ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลชุมพร
จากการสอบสวนทราบเพียงว่า นายศิริชัยเป็นคนแทง และจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นโกดังสินค้าของการทางรถไฟ พบกองเลือด อยู่บนพื้นข้างเสื่อที่ปูไว้ และมีหมอนพร้อมของใช้เล็กน้อย ที่คนเร่ร่อนใช้เป็นที่อาศัยหลับนอน จึงได้เก็บรวบรวมมาเป็นพยานหลักฐาน
ต่อมาชุดสืบสวน สภ.เมืองชุมพร ได้ลงพื้นที่เก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติม จนพบทราบว่าผู้ก่อเหตุก็คือ นายศิริชัย หรือออก จึงได้ขอหมายจับ และจับกุมได้ในที่สุด
จากการสอบสวนนายศิริชั ได้ให้การรับสารภาพว่า ตนเองเป็นคนแทงนายสมเกียรติ จริง ส่วนการก่อเหตุนั้น นายศิริชัยให้การวกวนคล้ายคนเมายาเสพติด พอจับใจความได้ว่า ขณะเกิดเหตุตนเองได้ใช้มีดแบบพับก่อเหตุ แต่ไม่คิดว่าจะถึงตาย ส่วนสาเหตุที่ทำเพราะเป็นการป้องกันตัว เนื่องจากผู้ตายพร้อมพวก อีก 2 คน มาหาเรื่อง ก่อนจะวิ่งหนีออกมาจากที่เกิดเหตุ
ส่วนสาเหตุการก่อเหตุครั้งนี้ น่าจะมาจากนายสมเกียรติ ผู้ตาย ซึ่งเป็นคนเร่ร่อนเช่นเดียวกัน เดิมเคยอาศัยหลับนอนอยู่ในซอกของโกดัง แล้วได้หายไปหลายวัน จนวันเกิดเหตุนายสมเกียรติ ได้กลับมา ก็พบนายศิริชัย นอนทับที่ของตนเอง จนเกิดปากเสียงกัน
โดยนายศิริชัย ซึ่งอยู่ในอาการเมากาวอยู่ จึงได้ใช้มีดแทงไป 1 ครั้ง ก่อนที่นายสมเกียรติ ได้วิ่งหนีออกมาร้องขอให้คนช่วย แต่ก็มาเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนนายศิริชัย หลังก่อเหตุก็ได้หายตัวไปจากที่เกิดเหตุ ก่อนจะย้อนกลับมา เพราะคิดว่านายสมเกียรติ ไม่เจ็บมาก ประกอบกับไม่เป็นข่าว จนมาถูกจับดังกล่าว
