วานนี้ หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดเกาะแก้ว อำเภอเสนางคนิคม จังหวัดอำนาจเจริญ ทรงเปิดอุโบสถกลางน้ำ "ทศมราชบพิตรปุณฑริกาคารสีมา" ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามอันมีความหมายว่า "อุโบสถอันเป็นเขตสังฆกรรมรูปทรงดุจดอกบัวบุณทริก ประจำรัชกาลที่ 10" สร้างขึ้นเพื่อทดแทนอุโบสถหลังเดิมที่สร้างตั้งแต่ปี 2496 จนปัจจุบัน มีสภาพทรุดโทรมตามกาลเวลา ทำให้การประกอบศาสนกิจและการทำสังฆกรรมของพระสงฆ์เกิดความลำบาก อีกทั้ง กรมศิลปากร จะดำเนินการขึ้นทะเบียนอุโบสถหลังเก่านี้ เป็นโบราณสถานของชาติ วัดเกาะแก้ว จึงตระหนักถึงข้อจำกัดต่าง ๆ และเห็นควรให้สร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้น พร้อมกันนี้ ทอดพระเนตรนิทรรศการหลักปฏิบัติธรรมนาวา "วัง" 7 ขั้นตอน กับทรงปลูกต้นไม้ แล้วทรงพระดำเนินไปยังพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก แล้วพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินเพื่อจัดสร้างอุโบสถกลางน้ำ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานของที่ระลึก
วัดเกาะแก้ว เดิมชื่อ วัดเกาะแก้วศรีวิไล สร้างขึ้นเมื่อปี 2476 โดยการนำของ นายเภา บัวภาเรือง และชาวบ้านหนองสามขา เพื่อเป็นสถานที่สำหรับประกอบศาสนกิจของคณะสงฆ์ ทำกิจกรรมทางพุทธศาสนา และกิจกรรมของชุมชน รวมถึงเป็นสถานศึกษาเล่าเรียนของคนในชุมชน โดยได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ในปี 2493 เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย วัดมีความรุ่งเรืองทางพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก มีการเปิดเป็นโรงเรียนสอนพระปริยัติธรรม และแผนกบาลี มีพระภิกษุเข้ามาศึกษาเป็นจำนวนมาก ปัจจุบัน มีพระอธิการโจม ขนฺติโก เป็นเจ้าอาวาส มีพระสงฆ์ จำพรรษา 6 รูป
เวลา 20.06 น. เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดป่านาโสกฮัง อำเภอเสนางคนิคม ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิม พระพุทธนวราชบพิตร พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถาบทพิเศษ
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ถวายพระพุทธนวราชบพิตร แด่พระราชญาณวัชรชิโนภาส (ทวีวัฒน์ จารุวณโณ) ประธานสงฆ์ วัดป่านาโสกฮัง เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐานบนบุษบก
พระพุทธนวราชบพิตร เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 23 เซนติเมตร สูง 40 เซนติเมตร ที่บัวฐานด้านหน้าบรรจุพระพิมพ์ พระสมเด็จจิตรลดา สร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานไว้เป็นพระพุทธรูปประจำจังหวัด ประดิษฐาน ณ ศาลากลางจังหวัดของทุกจังหวัด ตลอดจนประดิษฐาน ณ สถานที่สำคัญในแต่ละจังหวัด อาทิ วัดป่านาโสกฮัง เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบสักการะเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
ต่อจากนั้น ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ในการนี้ พระราชญาณวชิรชิโนภาส พร้อมด้วยคณะสงฆ์ และราษฎรจากจังหวัดอำนาจเจริญและใกล้เคียง ที่ไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ร่วมสวดบทประกาศพระปริตรถวายพระพรชัยมงคล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
วัดป่านาโสกฮัง ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2559 บนที่ดิน 30 ไร่ ของราษฎรที่มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา และการเทศนาธรรมของพระราชญาณวชิรชิโนภาส เพื่อเป็นสถานที่จำพรรษาของพระสงฆ์ และเป็นสถานศึกษาอบรมธรรมะที่ถูกต้องแก่ราษฎร ภายหลังมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก เข้ามาศึกษาธรรมะ และร่วมกันสร้างเสนาสนะภายในวัดฯ เพิ่มขึ้น อาทิ กุฏิสงฆ์ โรงครัว ที่พักฆราวาส และฌาปนสถาน เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่พระสงฆ์และสาธารณชนโดยทั่วกัน ปัจจุบัน มีพระสงฆ์จำพรรษา 10 รูป
เวลา 21.26 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินถึงท่าอากาศยานทหาร กองบิน 21 จังหวัดอุบลราชธานี โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี, อธิบดีผู้พิพากษาภาค 3, แม่ทัพภาคที่ 2, ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3, ผู้บังคับการกองบิน 23, ผู้บังคับการกองบิน 21, กองทหารเกียรติยศ พร้อมด้วยข้าราชการ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวอุบลราชธานี ที่พร้อมใจกันสวมใส่เสื้อเหลือง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทส่งเสด็จ กระทั่งเวลา 21.57 น. ประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพมหานคร