“ชัยชนะ” ฟิตจัด เดินหน้าแจกถุงยางในสถานศึกษา ควบคู่ให้ความรู้มีเพศสัมพันธ์ปลอดภัย หวังลดจำนวนผู้ติดเชื้อ HIV ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
วันนี้ (7ก.ค.68) ในการประชุมวุฒิสภา นายปริญญา วงษ์เชิดขวัญ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ตั้งกระทู้ถามสดถึงสถานการณ์และแนวทางการแก้ไขปัญหาการติดเชื้อ HIV ของไทยในปัจจุบันที่เพิ่มสูงถึง 9,000 คน ทั้งที่ยังไม่ถึงสิ้นปี
โดยนายชัยชนะ เดชเดโช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ตอบกระทู้ดังกล่าวตอนหนึ่งว่า กระทรวงสาธารณสุขมีมาตรการในการกำหนดยุทธศาสตร์ตั้งแต่ปี 2560 - 2573 โดยกำหนดเป้าหมายลดติด-ลดตาย-ลดตีตรา ลดการติดเชื้อ HIV รายใหม่ให้เหลือไม่เกิน 1,000 คนต่อปี และลดการเสียชีวิตเนื่องจากโรคเอดส์เหลือไม่เกินปีละ 4,000 คน ในการรับรักษาตัวอาจจะไม่ได้ติดเชื้อในปีนี้ แต่เป็นการติดในระยะสะสมและเข้ามารักษาตัวในปีนี้ ตัวเลขจึงเพิ่มขึ้น
จากการศึกษาตัวเลขโดยกรมควบคุมโรค พบว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น เป็นเยาวชนอายุระหว่าง 15-24 ปี จึงเล็งเห็นว่า ควรมีการแจกถุงยางอนามัยในสถานศึกษา โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการเรื่องนี้ร่วมกับสถาบันศึกษาและสถาบันอุดมศึกษาทุกโรงเรียน ต่อไปจะเดินหน้าแจกถุงยางอนามัย พร้อมให้ความรู้กับเด็กเยาวชนในการมีเพศสัมพันธ์ที่ถูกต้องป้องกันการติดเชื้อ HIV
และ ในอนาคตจะมีการตั้งจุดตรวจ HIV เพิ่มขึ้น เช่น MOU ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ เพิ่มจุดตรวจในโรงเรียนให้กับนักเรียน หรือร่วมกับบริษัทเอกชนต่าง ๆ เพื่อตรวจหาเชื้อในกลุ่มเสี่ยง โดย 5 จังหวัดแรกที่มีการติดเชื้อ HIV มากที่สุด เป็นจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพมหานคร ชลบุรี ขอนแก่น นครราชสีมา เป็นต้น
นายชัยชนะ กล่าวอีกว่า ในแต่ละปีกระทรวงใช้งบประมาณในการจัดการรณรงค์ส่งเสริมป้องกันการติดเชื้อ HIV ประมาณ 8,498 ล้านบาท เป็นเงินของประเทศไทย 7,710 ล้านบาท คิดเป็น 91 % และเงินที่ได้รับการสนับสนุนจาก 788 ล้านบาท คิดเป็นเงิน 9 % ซึ่งประมาณ 6,300 กว่าล้านบาท ใช้เพื่อเป็นค่ายาและค่ารักษา และรายได้เพื่อการป้องกัน 1,000 กว่าล้านบาท การบริหารจัดการ 183 ล้านบาท
สำหรับจำนวนต่างชาติที่ติดเชื้อ และได้รับการรักษา HIV มีประมาณ 5,700 คน ซึ่งใช้งบประมาณไปทั้งสิ้น 12,500 บาทต่อปีต่อคน นี่เป็นสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขภายใต้การบริหารงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญในเรื่องโรคติดเชื้อ HIV อยู่แล้ว ซึ่งไม่ได้ดูแลเฉพาะพี่น้องประชาชนชาวไทย แต่แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาประกอบอาชีพในประเทศไทยก็ให้ความสำคัญเช่นกัน