วันนี้ (7 ก.ค. 68) เมื่อเวลา 11.20 น. ที่ผ่านมา พ.ต.ต.สุรพงษ์ ภักดีศรี สว.(สอบสวน) สภ.บ้านมาบอำมฤต ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันเสียชีวิตที่บ้านหลังหนึ่ง ม.4 ต.ดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชนินทร์ ณรงค์น้อย ผกก.สภ.มาบอำมฤต พ.ต.ท.ชาติชาย มูลลักษณ์ รอง ผกก.สส.สภ.มาบอำมฤต แพทย์เวร รพ.มาบอำมฤต หน่วยกู้ชีพกู้ภัยดอนยาง และหน่วยกู้ชีพกู้ภัยปะทิว
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว เปิดเป็นร้านขายอาหารตามสั่งและขายของชำ อยู่ติดถนนลาดยางในหมู่บ้าน พบศพ นางสุภา อายุ 72 ปี เจ้าของบ้าน สภาพนอนหงายจมกองเลือด เสียชีวิตอยู่บริเวณหน้าบ้านใกล้กับโต๊ะวางตู้ทำอาหาร ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .22 มม. เข้าที่กลางหลัง 1 นัด ท้ายทอย 1 นัด ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนตกอยู่จำนวน 4 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นางปราณี อายุ 68 ปี เป็นน้องสะใภ้ของผู้เสียชีวิต ถูกยิงเข้าที่แขนขวา ชาวบ้านนำตัวส่งโรงพยาบาลก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนผู้ก่อเหตุ คือ นายศุภชัย อายุ 69 ปี เป็นน้องชายแท้ ๆ ของผู้เสียชีวิต หลังก่อเหตุได้ขับรถยนต์กระบะ สีเขียว ทะเบียน บว 2763 ชุมพร หลบหนีไป โดยเจ้าหน้าที่ได้วิทยุสกัดทุกเส้นทางที่คาดว่าจะหลบหนี
จากการสอบสวนทราบว่า บ้านหลังเกิดเหตุอยู่อาศัยกันเพียง 2 คน คือ ผู้เสียชีวิต กับลูกสาว อายุ 53 ปี ช่วงเกิดเหตุขณะที่ผู้เสียชีวิตกับลูกสาวกับกำลังขายของอยู่ที่บ้าน โดยมีผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นน้องสะใภ้มาช่วยงานด้วย ต่อมาได้มี นายศุภชัย ขับรถยนต์กระบะคันดังกล่าวมาจอดที่หน้าบ้าน แล้วพูดจาเอะอะโวยวาย ก่อนจะชักอาวุธปืนออกมายังใส่กลางหลังและท้ายทอยของพี่สาว จนล้มฟุบเสียชีวิตคาที่ แล้วหันกระบอกปืนไปยิงใส่ นางปราณี ซึ่งเป็นน้องสะใภ้ของผู้เสียชีวิต และยังหันไปยิงใส่ลูกสาวของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นหลานสาวของผู้ก่อเหตุ แต่กระสุนพลาด จากนั้นได้หลบหนีไป
ด้าน พ.ต.อ.ชนินทร์ เผยว่า สาเหตุเกิดจากปัญหาเรื่องที่ดินมรดก ตระกูลนี้มีลูกทั้งหมด 9 คน เสียชีวิตไปแล้ว 3 คน ทุกวันนี้ยังมีชีวิตอยู่ 6 คน รวมทั้งผู้ก่อเหตุ ซึ่งอดีตเคยมีลูกมีภรรยา แต่ปัจจุบันอยู่ลำพังเพียงคนเดียว ส่วนผู้เป็นแม่เจ้าของมรดกที่ดินเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ยังยังมีที่ดินเหลืออยู่อีกประมาณ 5 ไร่ ไม่ได้จัดการแบ่งให้กับลูก ๆ แต่ลูก ๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่จำนวน 4 คน มีความเห็นว่าระหว่างที่ยังไม่ได้จัดการแบ่งที่ดินมรดกที่เหลือ ขอให้พี่ชายคนโต คือ นายโสภณ อายุ 82 ปี ซึ่งสามีของผู้บาดเจ็บได้อาศัยทำกินเก็บพืชผลปาล์มเก่าไปก่อน แต่ผู้ก่อเหตุไม่ยอม และเข้าใจว่าผู้เสียชีวิตที่เป็นพี่สาวจะฮุบเอาคนเดียว
พ.ต.อ.ชนินทร์ บอกอีกว่า ที่ผ่านมาทั้งคู่ก็มีปัญหากันหลายครั้งเรื่องที่ดินดังกล่าว เพราะมรดกที่ดินเดิมที่ผู้เป็นแม่แบ่งให้นั้น ผู้ก่อเหตุขายไปเกือบหมดแล้ว ปัจจุบันเหลือทำกินอยู่ประมาณไร่กว่า ๆ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านพี่สาวประมาณ 100 เมตร กระทั่งมาก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ คาดว่าจะได้ตัวในเร็ว ๆ นี้
