สมเด็จฯ ฮุน เซน ท้าไทยกล้าสอบ ทักษิณ หรือไม่

View icon 111
วันที่ 9 ก.ค. 2568 | 11.04 น.
ห้องข่าวภาคเที่ยง
แชร์
ห้องข่าวภาคเที่ยง - "สมเด็จฯ ฮุน เซน" ท้าทางการไทยกล้าสอบ "ทักษิณ" หรือไม่ เพราะมีความสนิทสนมกับตน หลังถูกโยงว่า "ก๊ก อาน" ถูกสืบสวนเอี่ยวแก๊งคอลเซนเตอร์ เพราะเป็นคนสนิทของตน

สมเด็จฯ ฮุน เซน ท้าไทยกล้าสอบ ทักษิณ หรือไม่
วานนี้ (8 ก.ค.) สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า "ไทยทิ้งหินใส่เท้าตัวเอง !" และยินดีจากใจจริง กับการปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ เชื่อว่าจะลดการเข้ามาของอาชญากรรมไซเบอร์ในกัมพูชาได้ และไทยควรทำแบบนี้มานานแล้ว ไม่ใช่รอถึงตอนนี้

นอกจากนี้ สมเด็จฯ ฮุน เซน ทิ้งท้ายด้วยว่า จากกรณีความเห็นของทางการไทย, สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป ที่ระบุว่า การสืบสวนและปราบปราม "ก๊ก อาน" เป็นเพราะเขามีความสนิทสนมกับตน หากเป็นเช่นนั้นศาลไทยก็ควรเปิดการสืบสวน "ทักษิณ" ด้วย เพราะเป็นที่รู้กันอย่างกว้างขวางว่า "ทักษิณ" สนิทกับตนเป็นอย่างยิ่ง ถึงขั้นมีห้องพักในบ้านของตน

ด้านสำนักข่าว "ขแมร์ไทมส์" ของกัมพูชา รายงานว่า ตำรวจสากลของกัมพูชา ออกมาเปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อไทยรายงานว่าศาลอาญาออกหมายจับ "ก๊ก อาน" เกี่ยวข้องกับศูนย์แก๊งคอลเซนเตอร์ในเมืองปอยเปต แต่ขณะนี้ทั้งฝ่ายกัมพูชายังไม่รับหนังสือร้องขอความร่วมมือจากทางการไทย หรือจากตำรวจสากลของไทย จึงไม่เชื่อว่าการรายงานของสื่อไทยเป็นความจริง

ขณะที่ นายเจีย ธิริธ โฆษกสมเด็จฯ ฮุน เซน ระบุว่า ไทยแต่งเรื่องกล่าวหากัมพูชาว่าเปิดศูนย์แก๊งคอลเซนเตอร์และฟอกเงิน เพื่อทำลายชื่อเสียงของรัฐบาลกัมพูชา

เตรียมขยายผลเอาผิดเครือข่าย ก๊ก อาน
ผลการเข้าตรวจค้นเครือข่าย "ก๊ก อาน" ได้พยานหลักฐานหลายอย่างชัดเจน มากพอใช้ออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องในล็อตที่ 2 และการออกหมายจับ นายก๊ก อาน ก็ไม่ใช่การกลั่นแกล้ง แต่มีหลักฐานเชื่อมโยงจริง ๆ

หลักฐานที่พนักงานสอบสวนนำไปขอศาลอาญา เพื่อใช้ออกหมายจับ นายก๊ก อาน คนสนิทของ "สมเด็จฯ ฮุน เซน" มาจากความเชื่อมโยง 4 คดี

คดีดัง ๆ ที่จำกันได้ดีคือ คดีของคุณ "ชาล็อต" นางงามชื่อดัง ซึ่งจะพ่วงกับคดีของยายหลาน ที่ถูกแก๊งเดียวกันหลอก ด้วยพฤติการณ์ขู่บังคับว่าเป็นตำรวจ DSI อ้างว่าเหยื่อเป็นผู้ต้องหาในคดี หากจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ต้องส่งเงินมาตรวจสอบ

นอกจากนี้ ยังมีคดีหลอกแพทย์ในจังหวัดเชียงราย โอนเงินกว่า 30 ล้านบาท คดีหลอกลงทุนกาสิโน 300 ล้านบาท ซึ่งตำรวจได้พยานหลักฐานจากบัญชีม้า และข้อมูลจากสายลับ นำไปสู่ความเชื่อมโยงแหล่งที่ตั้งอาคารแก๊งคอลเซนเตอร์ อย่างน้อย 4 แห่ง ซึ่งทั้งหมดมีเจ้าของคือ "นายก๊ก อาน"

จึงเป็นที่มาของการออกหมายจับความผิดฐาน "มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ" ซึ่งเป็นข้อหาสากล ที่นานาประเทศยอมรับ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 4-15 ปี หรือปรับตั้งแต่ 80,000-300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

แต่ทีนี้ก็ต้องยอมรับกันตามตรงว่า ตำรวจรู้อยู่แล้วว่า นายก๊ก อาน ตัวไม่ได้อยู่ในไทย ตั้งแต่ช่วงที่มีสถานการณ์ไทย-กัมพูชา แล้ว ดังนั้นการเข้าตรวจค้นทั้ง 19 จุด เมื่อวานนี้ จึงมุ่งเน้นไปที่การรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเฉพาะอะไรที่เชื่อมโยงไปถึงเส้นทางการเงิน

ซึ่งก็ไปเจอหลักฐานหลายอย่าง เชื่อมโยงไปถึงลูกของ นายก๊ก อาน ที่มีข่าวว่า มีการใช้บัตรประชาชนปลอม ในการเข้าไปครอบครองบ้านอย่างน้อย 15 หลัง เพื่อเปิดให้ชาวจีนเข้าไปพักอาศัย รวมถึงทรัพย์สินต่าง ๆ จำนวนมาก ที่คาดว่าอาจมีมูลค่าแตะถึงหลักพันล้านบาท และจะเป็นเป้าหมายในล็อตถัดไป ที่ตำรวจจะนำไปใช้ขอศาลฯ ออกหมายจับ

ส่วนใครที่ยังรอดูท่าทีว่าจะเป็นไปได้จริง ๆ หรือ กับการออกหมายจับ "สมเด็จฯ ฮุน เซน" มีรายงานข่าวว่าบ่ายวันนี้ พนักงานสอบสวน บช.สอท. หรือ ตำรวจไซเบอร์ จะนำสำนวนคดีที่สรุปเสร็จแล้ว ไปส่งให้อัยการสูงสุด พิจารณาดำเนินการเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ส่วนจะออกหมายจับได้ หรือไม่ ต้องรออัยการสูงสุด พิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง

ขอบคุณภาพจาก : Facebook Samdech Hun Sen of Cambodia