สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 9 ก.ค. 2568

สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 9 ก.ค. 2568

View icon 120
วันที่ 9 ก.ค. 2568 | 17.36 น.
ข่าวต่างประเทศ
แชร์
สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 9 ก.ค. 2568

1. "ทรัมป์" ย้ำขึ้นภาษีนำเข้าแน่ 1 ส.ค.นี้
      ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ย้ำว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม จะเริ่มบังคับใช้วันที่ 1 สิงหาคมนี้ แน่นอน ซึ่งคาดว่าปีนี้สหรัฐฯ จะมีรายได้จากภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นถึง 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 9.78 ล้านล้านบาท พร้อมกับเปิดเผยว่า จะเปิดเผยรายข้อกำหนดด้านอัตราภาษีกับ 7 ประเทศเช้าวันพุธนี้ (9 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น แต่ยังไม่ระบุว่าเป็นข้อตกลงหรือเป็นเพียงการส่งจดหมายแจ้ง

     ทรัมป์ ยังย้ำด้วยว่า ประเทศในกลุ่ม "บริกส์" (BRICS) จะถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่ม 10 % "ในเร็ว ๆ นี้" ฐานมีเจตนาทำลายเสถียรภาพค่าเงินดอลลาร์ของสหรัฐฯ แต่ไม่ได้ระบุว่า รวมถึงประเทศที่สนับสนุนกลุ่ม "บริกส์" เหมือนที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ด้วยหรือไม่
นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังมีแผนที่จะเก็บภาษีนำเข้ายาหรือเวชภัณฑ์ 200 % แต่ให้เวลาเตรียมย้ายฐานการผลิต 1 ปี ถึง 1 ปีครึ่ง รวมทั้งจะขึ้นภาษีนำเข้าทองแดงเป็น 50 % เท่ากับเหล็กและอะลูมิเนียม ส่วนเซมิคอนดักเตอร์ยังไม่ได้กำหนด แต่สูงขึ้นมากแน่นอน

2. มาเลเซีย เรียกร้องความเข้มแข็งการค้าระหว่างชาติอาเซียน 
    นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม (Anwar Ibrahim) ของมาเลเซีย กล่าวระหว่างพิธีเปิดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 58 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งมีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางไปเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ระหว่างวันที่ 8-11 กรกฎาคม 2568 โดยเรียกร้องให้ชาติสมาชิกอาเซียน (ASEAN) ทั้ง 10 ประเทศ "ดำเนินการอย่างมีจุดมุ่งหมาย" และเพิ่มการค้าระหว่างกันให้มีความเข้มแข็งขึ้นในสถานการณ์โลกที่ไม่แน่นอน ท่ามกลางความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาษีการค้าของสหรัฐฯ

    อย่างไรก็ตาม แม้นายกรัฐมนตรีมาเลเซียไม่ได้กล่าวถึงสหรัฐฯ โดยตรง แต่ได้เอ่ยถึงภาษีศุลกากร, ข้อจำกัดด้านการส่งออก และอุปสรรคด้านการลงทุน ว่าเป็น "เครื่องมือที่แหลมคมของการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์"
ขณะที่ วันนี้ (9 ก.ค.) คาดว่าจะมีการประชุมหลายนัดระหว่างชาติสมาชิกอาเซียนและพันธมิตรการค้ารายใหญ่ อาทิ สหรัฐอเมริกา, จีน, ญี่ปุ่น, รัสเซีย, อินเดีย และสหภาพยุโรป

   ทั้งนี้ อาเซียน ซึ่งเป็นกลุ่มที่พึ่งพาการส่งออก นับเป็นกลุ่มเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก โดยสมาชิกบางส่วนได้รับประโยชน์จากการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานของจีน ขณะที่มีเพียงเวียดนามเท่านั้นที่บรรลุข้อตกลงภาษีกับสหรัฐฯ แล้ว ซึ่งลดอัตราภาษีลงเหลือ 20 % จากเดิม 46 % ในขณะที่ชาติสมาชิกอื่น ๆ กำลังพยายามเจรจาขอลดอัตราภาษี

3. รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ถูกใช้ AI ปลอมตัวติดต่อ รมว.ต่างชาติ 
  โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ทางการสหรัฐฯ กำลังสืบสวนกรณีมีบุคคลปริศนาใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ปลอมเสียงและข้อความเป็นนายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการรกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ 2 คน ได้แก่ ผู้ว่าการรัฐในสหรัฐฯ และสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังมีรัฐมนตรีต่างชาติอีก 3 คน ผ่านทางแอปพลิเคชัน "ซิกแนล" (Signel) เพื่อหวังเข้าถึงข้อมูลหรือบัญชีผู้ใช้งาน แต่การหลอกหลวงไม่ประสบผลสำเร็จ เหตุเกิดในช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

    อย่างไรก็ตาม โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติม และไม่เปิดเผยว่าบุคคลที่ได้รับการติดต่อเป็นใคร ระบุเพียงว่า รับทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วและกำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์ รวมทั้งจะหาทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นอีก และได้ส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่การทูตและกงสุลทุกคนแล้ว


4. ไฟป่าลุกลามรวดเร็วที่ฝรั่งเศส บาดเจ็บกว่า 100 คน
    เกิดไฟป่าลุกลามอย่างรวดเร็วบริเวณชานเมืองมาร์แซย์ ของฝรั่งเศส ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บนับร้อยคน ทางการฝรั่งเศสเร่งส่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงราว 800 นาย พร้อมด้วยเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินดับเพลิง เข้าไปควบคุมสถานการณ์ไฟป่าที่ลุกลามอย่างรวดเร็ว บริเวณชานเมืองมาร์แซย์ (Marseille) ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส เนื่องจากกระแสลมแรง ส่งผลให้วานนี้ (8 ก.ค.) ประชาชนอย่างน้อย 400 คน ต้องอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย และอีกบางส่วนถูกเตือนให้อยู่แต่ในบ้านเรือนของตนเองจนกว่าจะมีคำสั่งให้อพยพ เพื่อเปิดทางให้ถนนสายต่าง ๆ โล่งและสะดวกต่อการเดินทางของรถเจ้าหน้าที่ ส่วนสนามบินใกล้เคียงต้องปิดให้บริการชั่วคราว แม้ว่าในช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจะเริ่มควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามได้แล้ว แม้ว่าจะยังมีไฟลุกไหม้อยู่ แต่ก็ยังมีความกังวลว่ากระแสลมแรงอาจทำให้ไฟลุกลามขึ้นมาอีกครั้ง

    ขณะเดียวกัน มีรายงานผู้บาดเจ็บจากเหตุไฟป่าครั้งนี้ราว 110 คน ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย แต่ยังไม่มีรายงานผูู้เสียชีวิต  ทั้งนี้ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไฟป่าได้สร้างความเสียหายอย่างหนักในประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียน มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

5. ชายถูกดูดเข้าเครื่องบินดับ ที่สนามบินแบร์กาโม ของอิตาลี ถูกดูดเข้าไปในเครื่องยนต์ของเครื่องบิน เสียชีวิต
    วานนี้ (8 ก.ค.) สนามบินแบร์กาโม ของอิตาลี ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองมิลาน ไปราว 50 กิโลเมตร ถูกปิดทำการชั่วคราว โดยระบุว่า "เนื่องจากพบปัญหาเกิดขึ้นบนทางขับ" หลังพบชายคนหนึ่งเสียชีวิตบนรันเวย์ระหว่างที่เครื่องบินของสายการบินโบโลเตอา (Volotea) กำลังเตรียมตัวที่จะนำเครื่องขึ้นบิน

    ตามรายงานของสื่อท้องถิ่นระบุว่า ชายคนดังกล่าวถูกดูดเข้าไปในเครื่องยนต์ของเครื่องบินที่กำลังจะออกเดินทาง ซึ่งชายคนนี้ไม่ใช่ทั้งพนักงานสนามบินและไม่ใช่ผู้โดยสาร รายงานยังระบุอีกว่า ชายคนนี้วิ่งเข้าหาเคลื่อนบินที่กำลังเคลื่อนที่ โดยมีตำรวจสนามบินวิ่งไล่ตามแต่ก็ไม่สามารถหยุดเขาไว้ได้ จึงเชื่อว่าชายผู้เสียชีวิตน่าจะพยายามจบชีวิตของตัวเอง ซึ่งทางการกำลังสืบสวนเพื่อหาเหตุที่แท้จริงต่อไป

    สำหรับเที่ยวบินดังกล่าวกำลังมุ่งหน้าไปสเปน ผู้โดยสาร 154 คน บนเครื่องบินได้รับการจัดตารางบินใหม่ จากเหตุการณ์นี้ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือบางคนได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจด้วย