"ก๊ก อาน" ไม่อยู่ไทย บิ๊กหวาน เผย เตรียมประสานอินเตอร์โพล ออกหมายแดงให้ประเทศสมาชิก กดดันกัมพูชาล่าตัว ยันหลักฐานชัดเป็นเจ้าของตึกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จ่อออกหมายจับเครือข่ายเพิ่มสัปดาห์หน้า ขณะที่ยังไม่พบนักการเมือง-ข้าราชการไทยเอี่ยว
วันนี้ (10 ก.ค.68) พล.ต.อ. ธัชชัย ปีตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เผยความคคืบหน้าการทลายเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ "ก๊กอาน" หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการเข้าค้นเป้าหมาย 20 จุดในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ และชลบุรี สามารถอายัดเงินสด 27 ล้านบาท รถยนต์หรู และเอกสารสำคัญ รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดได้เบื้องต้นกว่า 1,100 ล้านบาท
พล.ต.อ. ธัชชัย กล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจค้น 20 จุด ยังไม่พบคนไทยที่เกี่ยวข้อง มีเพียงชาวต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่ถูกดำเนินคดีไปแล้ว แต่การสอบสวนขยายผลยังคงดำเนินต่อไป เพื่อตรวจสอบว่ามีข้าราชการไทยเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ ย้ำว่าจะดำเนินการออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยจะมีการออกหมายจับเพิ่มเติมอีกในสัปดาห์หน้า และจะนำประเด็นการสมคบคิดหรือมีการเชื่อมโยงเส้นทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน มาพิจารณาเพื่อขออนุมัติหมายศาลต่อไป
ในส่วนของ "ก๊กอาน" ซึ่งเป็นหัวหน้าเครือข่ายนั้น ทราบว่าไม่ได้อยู่ในประเทศไทยแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมประสานกับองค์การตำรวจสากล (Interpol) เพื่อออกหมายแดง (Red Notice) ให้ประเทศสมาชิกรับทราบและติดตามตัว "ก๊กอาน" มาดำเนินคดีโดยเร็ว และจะหารือกับ Interpol เกี่ยวกับมาตรการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งคาดว่า Interpol จะมีมาตรการใหม่ๆ ออกมา และหวังว่าประเทศกัมพูชาจะมีความกระตือรือร้นในการรับมาตรการที่ Interpol จะเสนอ แม้จะไม่มีบทลงโทษโดยตรงหากไม่ปฏิบัติตาม แต่เชื่อว่าแรงกดดันจากกระแสสังคมจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ จากการสืบสวนสอบสวนพบหลักฐานที่ชัดเจนว่า "ก๊กอาน" เป็นเจ้าของอาคารซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการหลักของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงคนไทย และมีความเกี่ยวข้องกับอาคารหลายแห่งในปอยเปตที่ใช้เป็นที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงกำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดการทำคดีนี้ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อป้องกันการหลบหนีและเคลื่อนย้ายทรัพย์สินของผู้กระทำผิด
ผู้สื่อข่าวถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างนายก๊กอานกับผู้บริหารระดับสูงในประเทศกัมพูชา พล.ต.อ. ธัชชัย กล่าวว่า ไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากเป็นคนละประเทศกัน แต่ข้อมูลที่ยืนยันได้คือ "ก๊กอาน" เป็นนักธุรกิจและมีตำแหน่งทางการเมืองเป็นสมาชิกวุฒิสภาของกัมพูชา (สว.) อย่างไรก็ตาม ในทางคดีขณะนี้ยังไม่พบความสัมพันธ์กับนักการเมืองไทย ส่วนข้อมูลที่นายรังสิมันต์ โรม ระบุว่า "เฮียตือ" เกี่ยวข้องกับ "ก๊กอาน" นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้รับข้อมูลดังกล่าว จะต้องรอรายงานก่อน หากมีข้อมูลที่เชื่อมโยง มีพยานบุคคล พยานเอกสาร หรือพยานวัตถุต่างๆ จะต้องนำมาวิเคราะห์เพิ่มเติมและขยายผลเพื่อระบุผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
ขณะที่ พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กล่าวหลังการแถลงข่าวว่า ตึกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา มีมากกว่า 50 กว่าตึก แต่เราสามารถพิสูจน์ทราบพิกัดได้แล้วประมาณ 20 กว่าตึก ซึ่งแต่ละตึกมีบุคคลหลายสัญชาติทำงานข้างในประมาณหลักพันคน แต่ถูกผลักดันกลับประเทศเพียงหลักร้อยเท่านั้น
เมื่อถามว่า มั่นใจได้อย่างไรว่าทางกัมพูชาจะให้ความร่วมมือในการล่าตัวนายก๊กอาน พล.ต.ท. ไตรรงค์ กล่าวว่า แม้นายก๊ก อานจะเป็นชาวต่างชาติ อาศัยอยู่นอกประเทศไทย แต่เราต้องอาศัยอินเตอร์โพลในการตามจับกุมตัว และถึงแม้ว่าจะไม่มีบทลงโทษสำหรับประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือกับอินเตอร์โพล แต่เชื่อว่าประชาคมโลกจะกดดันให้ประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือ หันกลับมาให้ความร่วมมือมากขึ้น
พล.ต.ท. ไตรรงค์ ยังฝากประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนรู้เท่าทันกลวิธีของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะตอนนี้มีการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้ อย่าให้คนเหล่านี้หลอกเอาเงินจากกระเป๋าเราได้ จำเอาไว้รีบโอนโจรยิ้ม