สนามข่าว 7 สี - ยืนยันกันให้ชัดเจนไปเลย ว่าที่ตำรวจไทยดำเนินคดีกับเครือข่ายของ "นายก๊ก อาน" คนสนิทของ "สมเด็จฯ ฮุน เซน" ไม่ใช่การตบมือข้างเดียว แต่เพราะได้ความร่วมมือจากนานาชาติ ถึงได้ออกหมายจับทั้งจากไทย และหมายแดงจากตำรวจสากลได้
มาแถลงกันพร้อมหน้า ทั้งตัวแทนจากตำรวจไทย, FBI, UNODC และทหาร ออกตัวยืนยันได้เต็มปากเลย ว่าคดีนี้ตำรวจไม่ได้ทำแค่ฝ่ายเดียว ไม่ได้เอาหลักฐานอะไรไม่รู้มาใช้ออกหมายจับ นายก๊กอาน
และเหตุที่พูดได้ชัดเจนว่า เขาคือเจ้าของตึก 25 ชั้น, ตึก 18 ชั้น, อาคาร HISO, อาคาร Crown Casino เมืองปอยเปต กัมพูชา ก็เพราะนอกจากคำให้การของคนที่ไปเป็น "บัญชีม้า" ให้แก๊งคอลเซนเตอร์ ชี้ชัดว่าแก๊งคอลเซนเตอร์อยู่ตามตึกเหล่านี้ ยังได้รับข้อมูลสนับสนุนจากหน่วยงานต่างประเทศ ที่ชี้ชัดในหลาย ๆ เรื่อง ศาลฯ จึงออกหมายจับ นายก๊ก อาน และตำรวจสากล จึงตอบรับที่จะออกหมายแดงให้
สำคัญไปกว่านั้นคือ การขยายผลที่ได้จากการเข้าตรวจค้น ยึดพยานหลักฐานและทรัพย์สิน ซึ่งก็ได้มาเป็นเงินสด 27 ล้านบาท, รถยนต์หรู และเอกสารสำคัญ รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดได้เบื้องต้นกว่า 1,100 ล้านบาท
ผลจากการหารือกับ ปปง. เมื่อวานนี้ ชัดเจนว่าเครือข่ายดังกล่าวจะถูกพิจารณายึดทรัพย์ตามกฎหมายฟอกเงิน และไม่ได้ยึดทรัพย์เฉพาะเท่าที่เห็น แต่ยังมีทรัพย์สินในต่างประเทศ รวมถึงเงินสกุลดิจิทัล เพื่อนำมาเฉลี่ยคืนให้ผู้เสียหาย ตามกฎหมายฟอกเงินด้วย และสัปดาห์หน้าก็คาดว่าจะออกหมายจับเพิ่มผู้ต้องหาที่เหลือได้
แม้ว่าเรื่องการออกหมายแดง จะไม่มีบทลงโทษกับประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิกก็ตาม แต่ก็เชื่อว่าแรงกดดันทางสังคม จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ เพราะแก๊งคอลเซนเตอร์ เป็นปัญหาที่หลายประเทศกำลังประสบกัน นอกจากนี้ตำรวจยังยืนยันว่า ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีนี้
ขณะที่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสระแก้ว ได้นำหมายและประกาศจับ "นายก๊ก อาน" คนสนิทของ "สมเด็จฯ ฮุน เซน" ไปติดประกาศไว้ตามจุดต่าง ๆ ทั่วบริเวณด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ หากพบตัวสามารถจับกุมส่งดำเนินคดีได้ทันที